คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 436/2530

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยกับพวกร่วมกันหลอกลวงผู้เสียหายกับบุคคลอีกคนหนึ่งให้ร่วมเล่นการพนันบนรถโดยสารประจำทาง ถือไม่ได้ว่าจำเลยกับพวกได้แสดงข้อความอันเป็นเท็จต่อประชาชนหรือปกปิดข้อความจริงซึ่งควรบอกให้แจ้งแก่ประชาชนการกระทำของจำเลยจึงไม่เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 343
ผู้เสียหายสมัครใจเล่นการพนันกับจำเลยและพวกโดยไม่ได้รับอนุญาต เป็นการร่วมกับจำเลยกระทำความผิด ผู้เสียหายจึงมิใช่ผู้เสียหายโดยนิตินัยที่จะมีสิทธิร้องทุกข์ขอให้เจ้าพนักงานนำคดีขึ้นว่ากล่าวในความผิดตามมาตรา 341 ซึ่งเป็นความผิดอันยอมความได้ พนักงานอัยการโจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้อง

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยกับพวก โดยเจตนาทุจริตได้ร่วมกันหลอกลวงคนโดยสารซึ่งอยู่บนรถยนต์โดยสารสายกรุงเทพ – พนมไพร ประมาณ ๕๐ คน ให้ร่วมเล่นพนันทายเหรียญชนิด ๒๕ สตางค์ ที่จำเลยที่ ๑ เป็นเจ้ามือโดยใช้ฝาตลับยาหม่องครอบปิดเหรียญวางไว้แล้วให้ทายว่าเหรียญที่ถูกปิดครอบมีจำนวนกี่อัน ถ้าทายถูกเจ้ามือจะจ่ายเงินให้เป็นเงินเท่าจำนวนที่วางแทงพนัน ถ้าทายไม่ถูกก็เสียเงินที่วางแทงพนันให้เจ้ามือ และโดยวิธีการอันมีเจตนาที่จะฉ้อโกงประชาชนของจำเลยกับพวกจำเลยที่ ๒ ที่ ๓ กับพวกได้กระทำตนเป็นหน้าม้านำเงินของตนแทงพนัน และชักชวนคนโดยสารในรถคันดังกล่าวให้เข้าร่วมเล่นพนัน จนนายลำพัน ป่าตาล กับนายสมคิด เพชรดี ผู้เสียหายและคนโดยสารอื่น ๆ หลงเชื่อเข้าเล่นพนันทายเหรียญหลายคนโดยจำเลยกับพวกปกปิดข้อความจริงซึ่งควรบอกให้แจ้งแก่ประชาชนทั่วไปว่าจำเลยกับพวกได้นำเหรียญซึ่งทำไว้เป็นพิเศษไว้ในตลับยาหม่องและสามารถปล่อยให้ลงมารวมกับเหรียญที่ปิดครอบไว้ตามที่ต้องการได้ เมื่อมีคนทายถูกว่าเหรียญที่ปิดครอบไว้มีกี่เหรียญเจ้ามือก็ปล่อยเหรียญที่ซ่อนไว้ลงมาทำให้เหรียญเพิ่มขึ้น ผู้ที่ร่วมเล่นพนันจึงทายไม่ถูกและต้องเสียเงินแก่จำเลยไป การกระทำของจำเลยกับพวกเป็นเหตุให้ผู้เสียหายและผู้โดยสารรถยนต์ดังกล่าวหลงเชื่อ และจำเลยกับพวกได้เงินและทรัพย์ไปจากผู้เสียหายและผู้โดยสารคนอื่น ๆ ในรถคันดังกล่าว ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๔๓, ๓๔๑, ๘๓
จำเลยทั้งสามให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้น พิพากษาว่า จำเลยทั้งสามมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๔๑, ๓๔๓, ๘๓ วางโทษตามมาตรา ๓๔๓ บทหนักที่สุด ให้จำคุกคนละ ๔ ปี
จำเลยทั้งสามอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้ยกฟ้องโจทก์
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อกฎหมายว่า จำเลยกับพวกได้ร่วมกันหลอกลวงผู้เสียหายกับบุคคลอีกคนหนึ่ง ให้ร่วมเล่นการพนันบนรถโดยสารประจำทาง ถือไม่ได้ว่าจำเลยกับพวกได้แสดงข้อความอันเป็นเท็จต่อประชาชนทั่วไปหรือปกปิดข้อความจริงซึ่งควรบอกให้แจ้งแก่ประชาชนทั่วไป การกระทำของจำเลยจึงไม่เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๔๓ ส่วนความผิดฐานฉ้อโกงตามมาตรา ๓๔๑ นั้น ข้อเท็จจริงฟังได้ว่า ผู้เสียหายสมัครใจเล่นการพนันกับจำเลยและพวกโดยไม่ได้รับอนุญาต เป็นการร่วมกับจำเลยกระทำความผิด ผู้เสียหายจึงไม่ใช่ผู้เสียหายโดยนิตินัยที่จะมีสิทธิร้องทุกข์ขอให้เจ้าพนักงานนำคดีขึ้นว่ากล่าวในความผิดฐานฉ้อโกงซึ่งเป็นความผิดอันยอมความได้ พนักงานอัยการโจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้อง
พิพากษายืน

Share