คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4356/2532

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์และจำเลยทำสัญญาประนีประนอมยอมความและศาลพิพากษาตามยอมแล้ว ต่อมาจำเลยยื่นคำร้องขอให้ศาลบังคับโจทก์ให้ดำเนินการตามสัญญาประนีประนอมยอมความ ศาลสั่งให้นัดพร้อมในวันนัดพร้อม โจทก์ จำเลย ทนายโจทก์ ทนายจำเลยมาศาล โจทก์ได้ตกลงกับจำเลยในศาลมีข้อความว่า โจทก์จำเลยไม่อาจบังคับตามข้อ 2ของสัญญาประนีประนอมยอมความจึงให้บังคับตามข้อ 1 แทน ศาลได้บันทึกข้อความดังกล่าวไว้ในรายงานกระบวนพิจารณาแล้ว ดังนี้จำเลยจะอ้างว่าข้อตกลงกันใหม่ไม่มีผลเปลี่ยนแปลงข้อตกลงในสัญญาประนีประนอมยอมความ และจำเลยไม่ต้องปฏิบัติตามข้อตกลงกันใหม่หาได้ไม่.

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องจากโจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยออกจากที่ดิน จำเลยให้การว่าจำเลยเป็นผู้มีสิทธิครอบครองที่ดินแปลงนั้น ต่อมาโจทก์จำเลยทำสัญญาประนีประนอมยอมความต่อหน้าศาล โดยจำเลยยอมออกจากที่ดินตาม น.ส.3 ก. เลขที่ 1663 ภายในกำหนดเวลา 3 เดือนนับแต่วันทำสัญญาประนีประนอมยอมความ หรือมิฉะนั้นจำเลยจะดำเนินการให้โจทก์ได้ทำสัญญาแลกเปลี่ยนที่ดินของโจทก์ตาม น.ส.3 ก. เลขที่ 1663 กับที่ดินตาม น.ส.3 เลขที่ 50 ให้แล้วเสร็จภายใน 3 เดือนนับแต่วันทำสัญญาประนีประนอมยอมความ หากผิดนัดจำเลยยอมให้โจทก์บังคับคดีได้ทันที ปรากฏตามสัญญาประนีประนอมยอมความ ลงวันที่ 29มิถุนายน 2530 ข้อ 1 ถึงข้อ 3 ศาลชั้นต้นพิพากษาตามยอมแล้วหลังจากนั้นมีการรังวัดแบ่งแยกที่ดินตาม น.ส.3 เลขที่ 50 ออกเป็นที่ดิน 2 แปลง คือที่ดินตาม น.ส.3 ก. เลขที่ 2289 และ 2290 จำเลยยื่นคำร้องต่อศาลชั้นต้นเมื่อวันที่ 6 พฤศจิกายน 2530 เพื่อขอให้บังคับโจทก์ไปจดทะเบียนแลกเปลี่ยนที่ดินของโจทก์ตาม น.ส.3 ก.เลขที่ 1663 กับที่ดินตาม น.ส.3 ก. เลขที่ 2290 ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้นัดพร้อมระหว่างโจทก์กับจำเลย ในวันนัดพร้อมโจทก์จำเลยมาศาลและตกลงกันใหม่โดยให้ยกเลิกการบังคับชำระหนี้ตามสัญญาประนีประนอมยอมความข้อ 2 ที่ว่า จำเลยจะดำเนินการให้โจทก์ได้ทำสัญญาแลกเปลี่ยนที่ดินตาม น.ส.3 ก. เลขที่ 1663 กับที่ดินตามน.ส.3 เลขที่ 50 ซึ่งต่อมาได้แบ่งแยกออกเป็นที่ดิน 2 แปลง คือที่ดินตาม น.ส.3 ก. เลขที่ 2289 และ 2290 นั้นเสีย โดยให้บังคับชำระหนี้ได้เฉพาะตามสัญญาประนีประนอมยอมความ ข้อ 1 ที่ว่า จำเลยยอมออกจากที่ดินตาม น.ส.3 ก. เลขที่ 1663 ภายในกำหนดเวลา 3 เดือนนับแต่วันทำสัญญาประนีประนอมยอมความ ปรากฏตามข้อตกลงกันที่ศาลชั้นต้นบันทึกไว้ในรายงานกระบวนพิจารณาลงวันที่ 26 พฤศจิกายน2530 ครั้นวันที่ 2 ธันวาคม 2530 จำเลยยื่นคำร้องขอให้ศาลชั้นต้นเรียกโจทก์มาศาลเพื่อดำเนินการบังคับคดีตามสัญญาประนีประนอมยอมความข้อ 2 โดยอ้างว่าข้อตกลงกันใหม่ระหว่างโจทก์กับจำเลยตามที่ศาลชั้นต้นบันทึกไว้นั้นไม่มีผลเปลี่ยนแปลงข้อตกลงในสัญญาประนีประนอมยอมความ ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า ข้อตกลงกันตามที่บันทึกไว้ในรายงานกระบวนพิจารณา ลงวันที่ 26 พฤศจิกายน2520 เป็นข้อตกลงของคู่ความทั้งสองฝ่ายซึ่งได้ลงลายมือชื่อรับรองไว้ จึงไม่มีเหตุที่จะเรียกโจทก์มา ให้ยกคำร้อง
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ที่จำเลยฎีกาว่า ข้อตกลงกันใหม่ไม่มีผลเปลี่ยนแปลงข้อตกลงในสัญญาประนีประนอมยอมความ และจำเลยไม่ต้องปฏิบัติตามข้อตกลงกันใหม่นั้น เห็นว่า ในวันที่ 26 พฤศจิกายน 2530ซึ่งเป็นวันที่ศาลชั้นต้นนัดพร้อมระหว่างโจทก์กับจำเลยตามคำร้องของจำเลยนั้น โจทก์ จำเลย ทนายโจทก์กับทนายจำเลยมาศาล โจทก์ได้ตกลงกับจำเลยในศาลมีข้อความว่า โจทก์จำเลยไม่อาจบังคับตามข้อ 2ของสัญญาประนีประนอมยอมความ ลงวันที่ 29 มิถุนายน 2530 จึงให้บังคับตามข้อ 1 แทน ศาลชั้นต้นได้บันทึกข้อความดังกล่าวไว้ในรายงานกระบวนพิจารณาลงวันที่ 26 พฤศจิกายน 2530 และท้ายรายงานกระบวนพิจารณามีตัวโจทก์กับตัวจำเลยลงลายมือชื่อรับรองไว้ส่วนทนายโจทก์กับทนายจำเลยได้ออกจากห้องพิจารณาก่อนที่จะมีการอ่านรายงานกระบวนพิจารณา เห็นได้ว่าขณะที่โจทก์กับจำเลยตกลงกันเช่นนั้น ตัวจำเลยกับทนายจำเลยมีอำนาจใช้ดุลพินิจไตร่ตรองได้เต็มที่ว่าข้อความที่จะตกลงกับโจทก์นั้นเหมาะสมแล้วหรือไม่ ถ้าหากเห็นว่าเสียเปรียบหรือไม่สมควร จำเลยกับทนายจำเลยก็มีอำนาจที่จะไม่ยอมตกลงและต่อรองได้ ทั้งเป็นเรื่องระหว่างโจทก์กับจำเลยที่จะตกลงกันเองตามความสมัครใจว่าจะบังคับกันตามสัญญาประนีประนอมยอมความนั้นเพียงใดหรือไม่ จึงอาจตกลงกันเป็นอย่างอื่นได้โดยไม่ถือว่าเป็นการผิดสัญญาประนีประนอมยอมความ เมื่อจำเลยกับทนายจำเลยได้ใช้ดุลพินิจไตร่ตรองข้อความที่จะตกลงกันโดยตลอดแล้วจำเลยจึงตกลงกับโจทก์ตามข้อความที่ศาลชั้นต้นบันทึกไว้เช่นนี้ จำเลยจะอ้างว่าข้อตกลงกันใหม่ไม่มีผลเปลี่ยนแปลงข้อตกลงในสัญญาประนีประนอมยอมความและจำเลยไม่ต้องปฏิบัติตามข้อตกลงกันใหม่หาได้ไม่ กรณีไม่มีเหตุที่จะเรียกโจทก์มาเพื่อดำเนินการบังคับคดีตามคำร้องของจำเลยศาลอุทธรณ์พิพากษาชอบแล้ว ฎีกาของจำเลยฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน.

Share