แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลยมีไม้สักและไม้พลวงซึ่งเป็นไม้แปรรูป 2 จำนวนในคราวเดียวกันโดยฝ่าฝืนต่อกฎหมาย แม้การมีไม้สักแปรรูปจะเป็นความผิดโดยไม่ต้องคำนึงถึงจำนวนปริมาตรของไม้ต่างกับไม้พลวงแปรรูปซึ่งจะต้องมีปริมาตรเกิน 0.20 ลูกบาศก์เมตร จึงจะเป็นความผิดก็ตาม การกระทำของจำเลยก็ยังคงเป็นความผิดกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบท มิใช่ความผิดหลายกรรมต่างกัน
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ ๑๐ มีนาคม ๒๕๓๐ เวลากลางวัน จำเลยมีไม้สักแปรรูปจำนวน ๑๐ แผ่น ปริมาตร ๐.๑๑๒ ลูกบาศก์เมตร และไม้พลวงแปรรูปจำนวน ๔๐ แผ่น ปริมาตร ๐.๘๘๒ ลูกบาศก์เมตร ซึ่งเป็นไม้หวงห้ามประเภท ก. ตามพระราชกฤษฎีกากำหนดไม้หวงห้าม พ.ศ. ๒๕๐๕ ไว้ในความครอบครองภายในเขตควบคุมการแปรรูปไม้โดยไม่ได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ ขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ. ๒๔๘๔ มาตรา ๘๘, ๗๒, ๗๔ พระราชบัญญัติป่าไม้ (ฉบับที่ ๕) พ.ศ. ๒๕๑๘ มาตรา ๑๙ พระราชบัญญัติป่าไม้ (ฉบับที่ ๖) พ.ศ. ๒๕๒๒ มาตรา ๙ พระราชบัญญัติป่าไม่ (ฉบับที่ ๗) พ.ศ. ๒๕๒๕ มาตรา ๔ ริบของกลาง
จำเลยให้การรับสารภาพ
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ. ๒๔๘๔ มาตรา ๔๘, ๗๓, ๗๔ พระราชบัญญัติป่าไม้ (ฉบับที่ ๕) พ.ศ. ๒๕๑๘ มาตรา ๑๙ พระราชบัญญัติป่าไม้ (ฉบับที่ ๖) พ.ศ. ๒๕๒๒ มาตรา ๙ พระราชบัญญัติป่าไม้ (ฉบับที่ ๗) พ.ศ. ๒๕๒๕ มาตรา ๔ ให้ลงโทษจำคุก ๑ ปี ปรับ ๓,๐๐๐ บาท จำเลยให้การรับสารภาพมีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๗๘ กึ่งหนึ่ง คงจำคุก ๖ เดือน ปรับ ๑,๕๐๐ บาท หากไม่ชำระค่าปรับให้จัดการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๔, ๓๐ ของกลางริบ โทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้มีกำหนด ๒ ปี ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๕๖
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิจารณาแล้วพิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาตรวจสำนวนประชุมปรึกษาแล้ว โจทก์ฎีกาว่า คดีนี้โจทก์ฟ้องว่าจำเลยมีไม้สักและไม้พลวงไว้ในความครอบครองโดยแยกจำนวนและปริมาตรของไม้สักไว้จำนวนหนึ่ง และแยกไม้พลวงไว้อีกจำนวนหนึ่ง ตามเจตนารมณ์ของมาตรา ๔๘ และมาตรา ๗๓ แห่งพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ. ๒๔๘๔ ที่แก้ไขแล้วนั้นประสงค์ให้ลงโทษความผิดฐานมีไม้สักไว้ต่างหากกระทงหนึ่ง และไม้พลวงกับไม้ชนิดอื่น ๆ อีกกระทงหนึ่ง เพราะไม้สักไม่ว่าจะมีจำนวนเท่าใดก็เป็นความผิด ส่วนไม้ชนิดอื่น ๆ ต้องมีจำนวนเกิน ๐.๒๐ ลูกบาศก์เมตร การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดสองกรรมนั้น พิเคราะห์แล้วเห็นว่า คดีนี้จำเลยมีไว้ในครอบครองซึ่งไม้แปรรูป ๒ จำนวนในคราวเดียวกันโดยฝ่าฝืนต่อกฎหมาย เพียงแต่เป็นไม้ต่างชนิดกันเท่านั้น และการกระทำของจำเลยก็เป็นความผิดตามพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ. ๒๔๘๔ มาตรา ๔๘, ๗๒ ที่แก้ไขแล้ว ซึ่งเป็นบทมาตราเดียวกัน แม้การมีไม้สักแปรรูปจะเป็นความผิดโดยไม่ต้องคำนึงถึงจำนวนปริมาตรของไม้ที่จำเลยมีไว้ในครอบครองซึ่งต่างกับไม้พลวงแปรรูปที่จะต้องมีปริมาตรเกิน ๐.๒๐ ลูกบาศก์เมตร จึงจะเป็นความผิดก็ตาม ก็หาทำให้การกระทำของจำเลยเป็นความผิดหลายกรรมต่างกันดังฎีกาของโจทก์ไม่ การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดกรรมเดียวต่อกฎหมายหลายบท ศาลอุทธรณ์พิพากษาชอบแล้ว ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาของโจทก์ฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน