แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
การที่ทายาทของผู้ตายร่วมกันไปกู้เงินผู้อื่นมาไถ่นาพิพาทและให้เจ้าหนี้ทำนาพิพาทต่างดอกเบี้ยภายใน 1 ปี นับแต่เจ้ามรดกตายนั้นถือว่าทายาทเหล่านั้นได้ครอบครองนาพิพาทด้วยกัน ตลอดเวลาที่เจ้าหนี้ทำนามรดกนั้นต่างดอกเบี้ยอยู่ หากทายาทคนใดไปลอบไถ่มาโดยไม่แจ้งให้ทายาทอื่นทราบ ก็ไม่ถือว่าทายาทคนอื่นสละการครอบครองคงถือว่าทายาทที่ลอบไถ่มาครอบครองแทนทายาทอื่นนั้นและคดีไม่ขาดอายุความมรดก
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอแบ่งมรดก ถ. จำเลยให้การต่อสู้หลายประการ คดีมีปัญหามาสู่ศาลฎีกาเฉพาะที่นามรดกรายพิพาทว่า โจทก์ จำเลยได้ครอบครองมาด้วยกันจริงหรือไม่ ข้อเท็จจริงได้ความว่า ในปีที่ ถ. เจ้ามรดกตายนั้นเอง ง.สามีโจทก์ ย.ภริยาจำเลยที่ 1 และจำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นบุตร ถ. ผู้ตาย ได้ไปกู้เงินด.ใช้ให้เจ้าหนี้ผู้ตายเป็นเงิน240 บาท และเอานารายพิพาทให้เจ้าหนี้ทำต่างดอกเบี้ยนั้นคืนมาให้ ด. ทำนาต่างดอกเบี้ยอยู่ 7 ปี เมื่อ ย.ภริยาจำเลยที่ 1 ตายแล้ว จำเลยที่ 1 จึงเอาเงิน 240 บาทไปใช้หนี้ ด.เอานาพิพาทคืนมาให้ผู้อื่นเช่าทำ 2 ปี โดยจำเลยที่ 2 และโจทก์ไม่ทราบพอปีที่ 3 จำเลยที่ 2 ทราบเรื่องจึงออกเงินช่วยใช้หนี้ครึ่งหนึ่งจำเลยที่ 1 จึงแบ่งนาพิพาทให้จำเลยที่ 2 ครึ่งหนึ่ง เมื่อโจทก์ทราบเรื่อง จึงขอแบ่งนาพิพาทและใช้หนี้ตามส่วน จำเลยที่ 1 ไม่ยอม
ศาลชั้นต้นเห็นว่า ถ.ตายมา 15 ปีแล้ว คดีโจทก์ขาดอายุความให้ยกฟ้อง
ศาลอุทธรณ์เห็นว่า เฉพาะเรื่องเรือนพิพาท โจทก์ออกจากเรือนพิพาทไปอยู่ที่อื่นจนขาดอายุความ ฟ้องตามศาลชั้นต้น ส่วนนาพิพาททายาททุกคนได้ครอบครองร่วมกันมาพิพากษาแก้ให้แบ่งนาพิพาทเป็น 3 ส่วน ๆ ละเท่า ๆ กัน ให้โจทก์ จำเลยคนละส่วน ไม่ตกลงให้ขายทอดตลาดเอาเงินแบ่ง
จำเลยทั้ง 2 ฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า การที่บุตรผู้ตายทั้ง 3 ไปกู้เงิน ด.มาไถ่นาคืนภายใน 1 ปีนับแต่ ถ.ตายและให้ ด.ทำนาต่างดอกเบี้ยนั้น ต่างได้ครอบครองนามรดกมาด้วยกันตลอดเวลาที่ ด.ทำนาต่างดอกเบี้ยโดย ด.ครอบครองแทน ที่จำเลยที่ 1 ไปลอบไถ่มาจาก ด.แล้วเอามาให้คนอื่นเช่าโดยปิดบังไม่แจ้งให้โจทก์ และจำเลยที่ 2 ทราบนั้น ถือไม่ได้ว่าโจทก์และจำเลยที่ 2 สละการครอบครองให้จำเลยที่ 1 ต้องถือว่า โจทก์จำเลยเป็นเจ้าของร่วมครอบครองแทนกันมา
พิพากษายืน