คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4324/2540

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยที่ 2 ร่วมกับจำเลยที่ 1ชำระหนี้เงินกู้แก่โจทก์ในฐานะผู้ค้ำประกันโดยรับผิดอย่างลูกหนี้ร่วม จำเลยที่ 2 ให้การและฟ้องแย้งว่า ไม่ได้ทำสัญญาค้ำประกันจำเลยที่ 1 ตามฟ้อง แต่ถูก ช. หลอกลวงเอาน.ส.3 ตามฟ้องไปโดยอ้างว่าสามารถขายได้ราคาดี และถูกหลอกลวงให้ลงชื่อในหนังสือมอบอำนาจและสัญญาค้ำประกันที่ยังไม่ได้กรอกข้อความแล้วโจทก์กับ ช. ร่วมมือกันใช้ชื่อจำเลยที่ 1 นำสัญญากู้ หนังสือมอบอำนาจและสัญญาค้ำประกันดังกล่าวไปกรอกข้อความโดยจำเลยที่ 2 ไม่ได้ยินยอมและนำ น.ส.3 ตามฟ้องไปให้โจทก์ยึดถือเป็นประกันเงินกู้ขอให้บังคับโจทก์คืน น.ส.3 แก่จำเลยที่ 2 ดังนี้ มูลคดีตามฟ้องแย้งเกี่ยวข้องกับมูลคดีตามคำฟ้องเดิมพอที่จะพิจารณาชี้ขาดตัดสิน ไปด้วยกันได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 177 วรรคสาม

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องมาจากโจทก์ฟ้องว่า จำเลยที่ 1 ทำสัญญากู้เงินจากโจทก์จำนวน 7,000,000 บาท โดยนำหนังสือรับรองการทำประโยชน์เลขที่ 693, 694, 700, 912, 909 และ 922 ซึ่งเป็นของจำเลยที่ 2 และที่ 3 มอบแก่โจทก์เป็นประกันเงินกู้และจำเลยที่ 2 และที่ 3 ทำสัญญาค้ำประกันยอมรับผิดกับจำเลยที่ 1อย่างลูกหนี้ร่วม ในการทำสัญญาค้ำประกันจำเลยที่ 3 ทำหนังสือมอบอำนาจให้จำเลยที่ 2 ทำสัญญาแทน ครบกำหนดชำระหนี้แล้วจำเลยที่ 1 ไม่ชำระ ขอให้บังคับทั้งสามร่วมกันชำระต้นเงินและดอกเบี้ยแก่โจทก์
จำเลยที่ 2 และที่ 3 ให้การและฟ้องแย้งว่า ไม่เคยรู้จักจำเลยที่ 1 และไม่เคยทำสัญญาค้ำประกันจำเลยที่ 1 แต่เหตุเกิดจากนายชัชวาลย์ วัฒนเสนีธรรม หลอกลวงบิดาจำเลยที่ 2 และที่ 3ว่าสามารถขายที่ดินทั้ง 6 แปลง ตามฟ้องได้ในราคาดีบิดาจำเลยหลงเชื่อจึงมอบต้นฉบับหนังสือรับรองการทำประโยชน์(น.ส.3 ก) ทั้ง 6 ฉบับ พร้อมทั้งให้จำเลยที่ 3 ลงชื่อในหนังสือมอบอำนาจโดยไม่ได้กรอกข้อความเพื่อไปแสดงต่อผู้ซื้อว่านายชัชวาลย์มีอำนาจเสนอขายที่ดิน และนายชัชวาลย์ขอให้จำเลยที่ 3 ลงชื่อในสัญญากู้ซึ่งไม่ได้กรอกข้อความเพื่อเป็นประกันว่าจำเลยที่ 3 จะยอมชำระค่านายหน้าเมื่อจดทะเบียนโอนขายที่ดินแก่ผู้ซื้อและผู้ซื้อชำระราคาแล้วแต่จำเลยที่ 3 ไม่ได้ลงชื่อให้เพราะไม่อยู่บ้าน และนายชัชวาลย์ให้จำเลยที่ 2 ลงชื่อในสัญญาค้ำประกันเอกสารท้ายฟ้องหมายเลข 10 โดยยังไม่ได้กรอกข้อความและเอาเอกสารดังกล่าวไป แล้วโจทก์โดยนายชัชวาลย์ร่วมมือกันใช้ชื่อจำเลยที่ 1 นำสัญญากู้ หนังสือมอบอำนาจและสัญญาค้ำประกันดังกล่าวไปกรอกข้อความอันเป็นเท็จโดยจำเลยที่ 2 ที่ 3และบิดาไม่ยินยอม เอกสารดังกล่าวจึงเป็นเอกสารปลอม จำเลยที่ 2และที่ 3 ได้ทวงถามนายชัชวาลย์ให้คืนเอกสารดังกล่าวหลายครั้งแล้วแต่นายชัชวาลย์เพิกเฉย ขอให้ยกฟ้องและบังคับโจทก์คืนหนังสือรับรองการทำประโยชน์ทั้ง 6 ฉบับ แก่จำเลยที่ 2 และที่ 3
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งรับเฉพาะคำให้การของจำเลยที่ 2 และที่ 3 ไม่รับฟ้องแย้งเพราะไม่เกี่ยวกับคำฟ้องเดิม
จำเลยที่ 2 และที่ 3 อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยที่ 2 และที่ 3 ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยที่ 2 และที่ 3ร่วมกับจำเลยที่ 1 ชำระหนี้เงินกู้แก่โจทก์ในฐานะผู้ค้ำประกันโดยรับผิดอย่างลูกหนี้ร่วม จำเลยที่ 2 และที่ 3 ให้การและฟ้องแย้งว่า ไม่ได้ทำสัญญาค้ำประกันจำเลยที่ 1 ตามฟ้อง แต่ถูกนายชัชวาลย์ วัฒนเสนีธรรม หลอกลวงเอาหนังสือรับรองการทำประโยชน์ทั้ง 6 ฉบับ ตามฟ้องไปโดยอ้างว่าสามารถขายได้ราคาดี และถูกหลอกลวงให้ลงชื่อในหนังสือมอบอำนาจและสัญญาค้ำประกันที่ยังไม่ได้กรอกข้อความแล้วโจทก์โดยนายชัชวาลย์ร่วมมือกันใช้ชื่อจำเลยที่ 1นำสัญญากู้ หนังสือมอบอำนาจและสัญญาค้ำประกันดังกล่าวไปกรอกข้อความโดยจำเลยที่ 2 และที่ 3 ไม่ได้ยินยอมและนำหนังสือรับรองการทำประโยชน์ทั้ง 6 ฉบับ ตามฟ้องไปให้โจทก์ยึดถือเป็นประกันเงินกู้ขอให้บังคับโจทก์คืนหนังสือรับรองการทำประโยชน์แก่จำเลยที่ 2 และที่ 3 เห็นว่า มูลคดีตามฟ้องแย้งเกี่ยวข้องกับมูลคดีตามคำฟ้องเดิมพอที่จะพิจารณาชี้ขาดตัดสินไปด้วยกันได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 177 วรรคสาม
พิพากษากลับ ให้ศาลชั้นต้นรับฟ้องแย้งของจำเลยที่ 2 และที่ 3ไว้พิจารณาต่อไปแล้ววินิจฉัยตามรูปคดี

Share