คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 430/2500

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ต้นฉำฉาปลูกอยู่ในที่ดินเป็นส่วนหนึ่งของที่ดิน แต่ครั่งเป็นแมลงซึ่งคนนำไปปล่อยไว้ที่ต้นฉำฉา ไม่ใช่ส่วนควบหรืออุปกรณ์ของต้นฉำฉา.ผู้ที่ปล่อยครั่งเพาะไว้ย่อมมีสิทธิดีกว่าผู้อื่นจำเลยตัดครั่งในที่ดินของโจทก์ โดยจำเลยพิพาทกรรมสิทธิ์ที่ดินกับโจทก์ การตัดกิ่งฉำฉา จำเลยไม่มีเจตนาทุจริต แต่การเอารั่งไปถ้าจำเลยรู้ว่าเป็นครั่งของโจทก์ด้วยเจตนาลัก จำเลยก็อาจมีความผิดฐานลักทรัพย์

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยลักตัดกิ่งฉำฉาในที่ดินของโจทก์ ซึ่งโจทก์ปล่อยครั่งไว้ แล้วเอาครั่งของโจทก์ไป ขอให้ลงโทษตามกฎหมายลักษณะอาญา ม.288, 293 ก่อนไต่สวนมูลฟ้องศาลแนะนำให้โจทก์ไปฟ้องคดีแพ่งก่อน ครั้นศาลพิพากษาว่า โจทก์มีสิทธิในที่ดินพิพาทดีกว่าจำเลย ศาลจึงไต่สวนมูลฟ้อง คดีมีมูล จำเลยให้การปฏิเสธศาลพิจารณาสืบพยานโจทก์ไป 2 ปาก จำเลยแถลงรับว่าได้ตัดครั่งไปจริง แต่จำเลยปล่อยเชื้อครั่งไว้เป็นของจำเลย ศาลชั้นต้นงดสืบพยานโจทก์พิพากษายกฟ้อง เพราะจำเลยไม่มีเจตนาทุจริตศาลอุทธรณ์พิพากษายกคำพิพากษาศาลชั้นต้น ให้พิจารณาต่อไป จำเลยฎีกา ศาลฎีกาวินิจฉัยดังนี้

“เมื่อศาลพิพากษาในคดีแพ่งว่า โจทก์มีสิทธิดีกว่าจำเลยโจทก์จึงขอให้ศาลดำเนินคดี 4 เรื่อง ที่โจทก์ฟ้องหาว่า จำเลยลักกิ่งต้นฉำฉาและครั่งที่เพาะไว้บนนั้นไป คือคดี 4 เรื่องที่ว่ากล่าวกันนี้ (แพ่งดำที่ 52, 53/2495, 307, 308/2495) เฉพาะต้นฉำฉานั้นปลูกอยู่ในที่พิพาทเป็นส่วนหนึ่งของที่พิพาท แม้จำเลยจะตัดไปจำเลยก็ขาดเจตนาทุจริต ส่วนครั่งนั้น ที่โจทก์จำเลยอ้างว่า เพาะไว้บนต้นฉำฉานั้น เป็นคนละเรื่องกับต้นฉำฉา เพราะไม่ใช่ส่วนควบหรือส่วนอุปกรณ์ของต้นฉำฉา ครั่งเป็นเพียงแมลงชนิดหนึ่งซึ่งคนนำไปปล่อยไว้ที่ต้นฉำฉา เมื่อผู้ใดพิสูจน์ได้ว่าตนเป็นผู้เอาไปเพาะไว้ ผู้นั้นย่อมมีสิทธิดีกว่าผู้อื่นในชั้นนี้ยังไม่ได้ความว่าฝ่ายใดเป็นผู้เอาครั่งไปเพาะไว้จึงควรฟังให้รู้เสียก่อน ถ้าจำเลยตัดเอาครั่งไปโดยรู้ว่าเป็นของโจทก์ด้วยเจตนาจะลัก จำเลยอาจมีผิดตามนัยฎีกาที่ 35/2499 ระหว่างพนักงานอัยการจังหวัดชลบุรี โจทก์ นางเนียน เกลาเกลี้ยงจำเลย”

พิพากษายืน

Share