คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4290/2534

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

การที่โจทก์ละทิ้งหน้าที่ไป 1 วัน จะถือว่าเป็นการฝ่าฝืนระเบียบข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงานของจำเลยกรณีที่ร้ายแรงหรือไม่ไม่ใช่พิจารณาเพียงเฉพาะตามระเบียบข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงานของจำเลยว่าได้ระบุไว้ให้ถือว่าเป็นกรณีที่ร้ายแรงหรือไม่ หรือการที่โจทก์ละทิ้งหน้าที่ไปนั้นได้ก่อให้เกิดความเสียหายขึ้นแล้วอย่างไรหรือไม่ แต่จะต้องพิจารณาถึงความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นจากการละทิ้งหน้าที่ของโจทก์ประกอบด้วย โจทก์มีหน้าที่ควบคุมหม้อกำเนิดไอน้ำ หากเครื่องหม้อกำเนิดไอน้ำเกิดขัดข้องขึ้นและไม่มีผู้ใดปิดเครื่อง อาจทำให้พลังไอน้ำที่อยู่ในเครื่องดัน ให้ หม้อน้ำระเบิดก่อให้เกิดความเสียหายแก่ทรัพย์สินของจำเลยและชีวิตของลูกจ้างอื่นของจำเลยได้ การที่โจทก์ละทิ้งหน้าที่ไปนั้นจึงอาจก่อให้เกิดความเสียหายอย่างร้ายแรงแม้ระเบียบข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงานของจำเลยจะไม่ได้ระบุว่าการละทิ้งหน้าที่ของโจทก์ถือว่าเป็นการฝ่าฝืนระเบียบข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงานของจำเลยกรณีที่ร้ายแรงหรือไม่และการละทิ้งหน้าที่ของโจทก์ยังไม่ก่อให้เกิดความเสียหายขึ้น ก็ถือได้ว่าโจทก์ได้ฝ่าฝืนระเบียบข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงานของจำเลยกรณีที่ร้ายแรงแล้ว.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องและแก้ไขคำฟ้องว่า จำเลยเลิกจ้างโจทก์ไม่เป็นธรรมโดยไม่จ่ายสินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้า ค่าจ้างสำหรับวันหยุดพักผ่อนประจำปี ค่าชดเชย และค่าเสียหาย ขอให้บังคับจำเลยจ่ายเงินดังกล่าวพร้อมดอกเบี้ยให้แก่โจทก์
จำเลยให้การว่า เลิกจ้างโจทก์เพราะโจทก์ทุจริตต่อหน้าที่และฝ่าฝืนระเบียบข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงานกรณีที่ร้ายแรงโดยปั๊มบัตรลงเวลาทำงานแล้วไม่มาทำงานล่วงเวลาและละทิ้งหน้าที่ไม่อยู่ควบคุมหม้อกำเนิดไอน้ำซึ่งอาจระเบิดทำความเสียหายแก่ทรัพย์สินและลูกจ้างอื่น ๆ ของจำเลยได้ เป็นการเลิกจ้างที่เป็นธรรมแล้ว ขอให้ยกฟ้อง
ศาลแรงงานกลางพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีแรงงานวินิจฉัยว่า ที่โจทก์อุทธรณ์ว่า การที่โจทก์ละทิ้งหน้าที่ไปเมื่อวันที่ 21 กันยายน 2533 จะถือว่าเป็นการฝ่าฝืนระเบียบเกี่ยวกับการทำงานของจำเลยกรณีที่ร้ายแรงไม่ได้เพราะตามข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงานของจำเลยไม่ได้ระบุว่าการละทิ้งหน้าที่ของโจทก์ดังกล่าวเป็นการฝ่าฝืนระเบียบเกี่ยวกับการทำงานกรณีที่ร้ายแรง และยังไม่ได้ก่อให้เกิดความเสียหายแก่ทรัพย์สินของจำเลยหรือชีวิตของลูกจ้างอื่นของจำเลยนั้น ศาลฎีกาเห็นว่าการที่โจทก์ละทิ้งหน้าที่ไปดังกล่าวจะถือว่าเป็นการฝ่าฝืนระเบียบเกี่ยวกับการทำงานของจำเลยกรณีที่ร้ายแรงหรือไม่ มิใช่จะต้องพิจารณาเพียงเฉพาะตามข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงานของจำเลยว่าได้ระบุไว้ให้ถือว่าเป็นกรณีที่ร้ายแรงหรือไม่ หรือพิจารณาว่าการที่โจทก์ละทิ้งหน้าที่ไปนั้นได้ก่อให้เกิดความเสียหายขึ้นแล้วอย่างไรหรือไม่ แต่จะต้องพิจารณาถึงความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นจากการละทิ้งหน้าที่ของโจทก์ประกอบด้วย ซึ่งจากข้อเท็จจริงตามคำวินิจฉัยของศาลแรงงานกลางที่ได้ความว่าโจทก์มีหน้าที่ควบคุมหม้อกำเนิดไอน้ำ หากเครื่องของหม้อกำเนิดไอน้ำเกิดขัดข้องขึ้นและไม่มีผู้ใดปิดเครื่อง อาจทำให้พลังไอน้ำที่อยู่ในเครื่องดันให้หม้อน้ำระเบิดก่อให้เกิดความเสียหายแก่ทรัพย์สินของจำเลยและชีวิตของลูกจ้างอื่นของจำเลยได้ เห็นได้ว่าการที่โจทก์ละทิ้งหน้าที่ไปนั้น อาจก่อให้เกิดความเสียหายอย่างร้ายแรงขึ้นได้ จึงเห็นว่าแม้ตามข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงานของจำเลยจะไม่ได้ระบุว่าการละทิ้งหน้าที่ของโจทก์ถือว่าเป็นการฝ่าฝืนระเบียบเกี่ยวกับการทำงานกรณีที่ร้ายแรงหรือไม่ และการละทิ้งหน้าที่ของโจทก์ยังไม่ได้ก่อให้เกิดความเสียหายขึ้น ก็ถือได้ว่าโจทก์ได้ฝ่าฝืนระเบียบเกี่ยวกับการทำงานของจำเลยกรณีที่ร้ายแรง
พิพากษายืน.

Share