แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์ทั้งสามฟ้องให้จำเลยชำระหนี้ตามเช็ค เมื่อจำเลยรับว่าได้สั่งจ่ายเช็คพิพาทจริง เบื้องต้นต้องถือว่าโจทก์ทั้งสามเป็นผู้ทรงเช็คโดยชอบด้วยกฎหมาย ที่จำเลยให้การว่าเป็นตัวแทนของโจทก์ทั้งสามนำเงินของโจทก์ทั้งสามไปลงทุนเล่นแชร์น้ำมันกับ ช.จึงสั่งจ่ายเช็คพิพาทไว้เป็นหลักฐาน เป็นการกล่าวอ้างข้อเท็จจริงเพื่อที่จะไม่ต้องรับผิดตามเช็ค หน้าที่นำสืบข้อเท็จจริงดังกล่าวจึงตกอยู่แก่จำเลย เมื่อจำเลยนำสืบฟังไม่ได้ตามที่ให้การต่อสู้ไว้จำเลยย่อมต้องรับผิดต่อโจทก์ทั้งสาม ส่วนเงินจำนวน 321,600 บาท ที่จำเลยรับไปจากโจทก์ที่ 2นั้น จำเลยไม่ได้ฎีกาโต้เถียงว่าจำเลยไม่ต้องรับผิดแต่อย่างใดจึงต้องฟังว่าจำเลยต้องรับผิดต่อโจทก์ที่ 2 คดีอาญามีผลชี้ขาดเพียงไม่มีมูลในเจตนากระทำผิดทางอาญาเท่านั้นทั้งคดีแพ่งที่โจทก์ทั้งสามฟ้องก็มิใช่คดีแพ่งที่เกี่ยวเนื่องกับคดีอาญาผลแห่งคดีอาญาดังกล่าวจึงไม่ผูกพันคดีแพ่งนี้
ย่อยาว
โจทก์ที่ 1 และที่ 3 ฟ้องขอให้บังคับจำเลยชำระเงินแก่โจทก์ที่ 1 จำนวน 344,196.87 บาท กับดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีในเงิน 321,000 บาท นับถัดจากวันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จ และชำระเงินแก่โจทก์ที่ 3 จำนวน 171,735 บาท กับดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีในเงิน 160,500 บาท นับถัดจากวันฟ้องจนกว่าจะชำระเงินเสร็จและโจทก์ที่ 2 ฟ้องขอให้บังคับจำเลยชำระเงิน 533,769 บาทแก่โจทก์ที่ 2 กับดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปี ในเงิน 482,100บาท นับแต่วันถัดจากวันฟ้องจนกว่าจะชำระเงินเสร็จแก่โจทก์
จำเลยทั้งสามสำนวนให้การทำนองเดียวกันว่า ไม่มีมูลหนี้ระหว่างโจทก์ทั้งสามกับจำเลย โจทก์ทั้งสามไม่มีอำนาจฟ้องให้จำเลยชำระเงินตามเช็ค และชำระเงินคืน ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ว พิพากษาให้จำเลยชำระเงินตามเช็คลงวันที่ 31 ธันวาคม 2528 จำนวนเงิน 321,000 บาท กับดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีนับแต่วันที่ 2 มกราคม 2529 จนกว่าจะชำระเงินเสร็จแก่โจทก์ที่ 1 แต่ดอกเบี้ยคิดถึงวันฟ้องไม่ให้เกิน23,196.87 บาท ชำระเงินตามเช็คลงวันที่ 31 ธันวาคม 2528จำนวนเงิน 160,500 บาท และชำระเงิน 321,600 บาท กับดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปี นับแต่วันที่ 3 มกราคม 2529 และวันที่ 31มีนาคม 2528 ตามลำดับ จนกว่าจะชำระเงินเสร็จแก่โจทก์ที่ 2 แต่ดอกเบี้ยในเงินตามเช็คคิดถึงวันฟ้องไม่ให้เกิน 11,469 บาท และดอกเบี้ยในเงิน 321,600 บาท คิดถึงวันฟ้องไม่ให้เกิน 40,200 บาทชำระเงินตามเช็ค ลงวันที่ 31 ธันวาคม 2528 จำนวนเงิน 160,500 บาทกับดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปี นับแต่วันที่ 3 มกราคม 2529จนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ที่ 3 แต่ดอกเบี้ยถึงวันฟ้องไม่ให้เกิน11,235 บาท
จำเลยทั้งสามสำนวนอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า โจทก์ทั้งสามฟ้องให้จำเลยชำระหนี้ตามเช็คเมื่อจำเลยรับว่าได้สั่งจ่ายเช็คพิพาทดังกล่าวจริง ในเบื้องต้นต้องถือว่าโจทก์ทั้งสามเป็นผู้ทรงเช็คโดยชอบด้วยกฎหมายจำเลยย่อมต้องรับผิดตามเนื้อความในเช็คที่จำเลยให้การว่า เป็นตัวแทนของโจทก์ทั้งสามนำเงินของโจทก์ทั้งสามไปลงทุนเล่นแชร์น้ำมันกับนางชม้อยจึงสั่งจ่ายเช็คพิพาทไว้เป็นหลักฐานนั้นเป็นการกล่าวอ้างข้อเท็จจริงเพื่อที่จะไม่ต้องรับผิดตามเช็คพิพาท ดังนั้น หน้าที่นำสืบข้อเท็จจริงดังกล่าวจึงตกอยู่แก่จำเลย เมื่อจำเลยนำสืบมาฟังไม่ได้ตามที่จำเลยให้การต่อสู้ไว้ จำเลยย่อมต้องรับผิดต่อโจทก์ทั้งสาม ส่วนเงินจำนวน 321,600 บาท ที่จำเลยรับไปจากโจทก์ที่ 2นั้น จำเลยไม่ได้ฎีกาโต้เถียงว่าจำเลยไม่ต้องรับผิดแต่อย่างใดจึงฟังได้ว่าจำเลยต้องรับผิดต่อโจทก์ที่ 2 เช่นกัน สำหรับคดีอาญาที่จำเลยอ้างมีผลชี้ขาดเพียงไม่มีมูลในเจตนากระทำผิดทางอาญาเท่านั้น ทั้งคดีแพ่งที่โจทก์ทั้งสามฟ้องนี้ก็มิใช่คดีแพ่งที่เกี่ยวเนื่องกับคดีอาญา ผลแห่งคดีอาญาดังกล่าวจึงไม่ผูกพันคดีแพ่งนี้ ทั้งสองพิพากษามานั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาจำเลยทั้งสามสำนวนฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน