คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4281/2530

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ผู้ร้องเป็นผู้ค้ำประกันการชำระหนี้ของจำเลยที่ 1 ส่วนหนึ่งตามสัญญาขายลดตั๋วเงินที่จำเลยที่ 1 ทำกับโจทก์โดยมีการจำนองที่ดินเป็นประกันแม้ว่าผู้ร้องจะชำระหนี้ตามสัญญาค้ำประกันให้โจทก์ไปแล้วและได้รับช่วงสิทธิจำนองจากโจทก์ในหนี้จำนวนดังกล่าว แต่ยังมีหนี้ส่วนอื่นที่จำเลยที่ 1 ยังต้องรับผิดชดใช้ให้โจทก์ โจทก์ย่อมจะขอให้บังคับจำนองเพื่อเอาชำระหนี้ได้เพราะจำนองย่อมครอบไปถึงบรรดาทรัพย์ซึ่งจำนองหมดทุกสิ่ง แม้จะได้ชำระหนี้แล้วบางส่วนตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 716 ผู้ร้องจึงไม่อาจเข้าเฉลี่ยหนี้จากการขายทอดตลาดทรัพย์จำนองของจำเลยที่ 1 ผู้จำนองในฐานะเจ้าหนี้จำนองในลำดับชั้นเดียวกันกับโจทก์ผู้รับจำนอง ผู้ร้องมีสิทธิเข้าเฉลี่ยหนี้ได้ภายหลังจากโจทก์ผู้รับจำนองได้รับชำระหนี้จำนองครบถ้วนแล้ว

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องมาจากศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยที่ ๑ ชำระหนี้ตามสัญญาขายลดตั๋วเงินที่ค้างชำระจำนวน ๓,๒๔๕,๐๘๓.๓๙ บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยให้โจทก์และให้จำเลยที่ ๒ ซึ่งเป็นผู้ค้ำประกันร่วมรับผิดในหนี้ของจำเลยที่ ๑ ต่อโจทก์เป็นเงิน ๓๒,๑๗๒.๔๖ บาท พร้อมดอกเบี้ย หากจำเลยทั้งสองไม่ชำระให้ยึดทรัพย์จำนองของจำเลยที่ ๑ คือที่ดินจำนวน ๓ แปลง ออกขายทอดตลาดชำระหนี้หากได้เงินไม่พอให้ยึดทรัพย์สินอื่นของจำเลยชำระหนี้จนครบ จำเลยทั้งสองไม่ชำระหนี้ตามคำพิพากษา โจทก์ขอให้ศาลชั้นต้นออกหมายบังคับคดียึดทรัพย์สินที่จำนองพร้อมสิ่งปลูกสร้างเพื่อขายทดตลาด ผู้ร้องยื่นคำร้องว่า ผู้ร้องเป็นจำเลยที่ ๒ ได้ชำระหนี้แก่โจทก์แทนจำเลยที่ ๑ แล้ว ฟ้องจำเลยที่ ๑ ตามสัญญาค้ำประกัน ผู้ร้องเป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาของจำเลยที่ ๑ ตามคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ ๑๑๘๖๕/๒๕๒๘ ของศาลชั้นต้นที่พิพากษาให้จำเลยที่ ๑ ชดใช้เงินจำนวน ๖๔๘,๙๑๗.๘๑ บาท ให้ผู้ร้องพร้อมด้วยดอกเบี้ย หากไม่ชำระให้ยึดที่ดินจำนองดังกล่าวขายทอดตลาดเอาเงินชำระหนี้ตามอัตราส่วนหนี้จำนองทั้งหมดผู้ร้องเป็นผู้รับช่วงสิทธิเจ้าหนี้ผู้รับจำนองจากโจทก์ และอยู่ในฐานะเจ้าหนี้จำนองชั้นเดียวกับโจทก์ จำเลยที่ ๑ ไม่มีทรัพย์สินอื่นที่จะบังคับชำระหนี้ได้ ขอให้ศาลอนุญาตให้ผู้ร้องเข้าเฉลี่ยในทรัพย์สินหรือเงินที่ขายหรือจำหน่ายทรัพย์ของจำเลยที่ ๑
โจทก์คัดค้านว่าผู้ร้องไม่ได้รับช่วงสิทธิจำนองจากโจทก์ ผู้ร้องเพียงมีสิทธิไล่เบี้ยจากจำเลยที่ ๑ ในจำนวนเงินที่ผู้ร้องชำระหนี้แทนจำเลยที่ ๑ ให้แก่โจทก์พร้อมด้วยดอกเบี้ย ผู้ร้องยังต้องร่วมกับจำเลยที่ ๑ ใช้หนี้แก่โจทก์อยู่อีกตามคำพิพากษาคดีนี้โจทก์จึงมีสิทธิบังคับชำระหนี้จากทรัพย์จำนองจนครบถ้วนก่อนผู้ร้อง หากผู้ร้องจะได้รับช่วงสิทธิจำนองจากโจทก์ก็เป็นจำนวนเพียง ๕๖๑,๔๑๗.๘๑ บาทเท่านั้น
ผู้ร้องและโจทก์แถลงรับกันว่าหนี้ของผู้ร้องที่เกี่ยวกับการค้ำประกันมีจำนวนเพียง ๕๖๑,๔๑๗.๘๑ บาท
ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า ผู้ร้องในฐานะผู้ค้ำประกันชำระหนี้ให้โจทก์แทนจำเลยที่ ๑ไปแล้วเป็นเงิน ๕๖๑,๔๑๗.๘๑ บาท ผู้ร้องยอมเข้ารับช่วงสิทธิจำนองเท่าจำนวนเงินดังกล่าวจากโจทก์เพื่อบังคังเอากับทรัพย์จำนองของจำเลยที่ ๑ ได้ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๖๙๓ แต่การรับช่วงสิทธิดังกล่าวของผู้ร้องเกิดขึ้นภายหลังจำเลยที่ ๑ จดทะเบียนจำนองไว้กับโจทก์ สิทธิจำนองที่ผู้ร้องได้รับช่วงสิทธิมาจึงอยู่ลำดับหลังสิทธิจำนองของโจทก์ตามนัยมาตรา ๗๓๐ แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มีคำสั่งให้ผู้ร้องมีสิทธิเข้าเฉลี่ยในทรัพย์สินหรือเงินที่ได้มาจากการขายทอดตลาดหรือจำหน่ายทรัพย์จำนองในฐานะเจ้าหนี้จำนองจำนวน ๕๖๑,๔๑๗.๘๑ บาท โดยให้ได้รับชำระหนี้หลังจากโจทก์ได้รับชำระหนี้จำนองแล้ว ส่วนหนี้ที่เหลือให้ผู้ร้องมีสิทธิเข้าเฉลี่ยได้ภายหลังจากที่ได้มีการชำระหนี้จำนองครบถ้วนแล้ว
ผู้ร้องอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า ผู้ร้องชำระหนี้ให้โจทก์แทนจำเลยที่ ๑ ไม่ครบถ้วนตามจำนวนที่ผู้ร้องได้ค้ำประกันไว้และผู้ร้องยังต้องร่วมรับผิดต่อโจทก์อยู่อีกเป็นเงิน ๓๒,๑๗๒.๔๖ บาท ไม่ก่อให้เกิดสิทธิเรียกร้องในฐานะเป็นผู้รับช่วงสิทธิในหนี้จำนองทั้งหมดในลำดับเดียวกับโจทก์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๒๓๐ วรรคสองพิพากษายืน
ผู้ร้องฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ผู้ร้องเป็นเพียงผู้ค้ำประกันการชำระหนี้ของจำเลยที่ ๑ ตามสัญญาขายลดตั๋วเงินที่จำเลยที่ ๑ ได้ทำกับโจทก์โดยมีการจำนองที่ดินเป็นประกันเพื่อชำระหนี้ตามสัญญา แม้ว่าผู้ร้องจะได้ชำระหนี้ตามสัญญาค้ำประกันให้โจทก์ไปแล้วและผู้ร้องจะได้รับช่วงสิทธิจำนองจากโจทก์ในหนี้จำนวนดังกล่าว แต่ยังมีหนี้ส่วนอื่นคือหนี้ตามคำพิพากษาที่จำเลยที่ ๑ ยังต้องรับผิดชดใช้ให้โจทก์ซึ่งโจทก์ย่อมจะขอให้บังคับจำนองเพื่อเอาชำระหนี้ได้ เพราะจำเลยย่อมครอบไปถึงบรรดาทรัพย์ซึ่งจำนองหมดทุกสิ่ง แม้จะได้ชำระหนี้แล้วบางส่วน ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา ๗๑๖ ดังนี้ ผู้ร้องผู้รับช่วงสิทธิจำนองจากโจทก์เนื่องจากการชำระหนี้ส่วนหนึ่งของจำเลยที่ ๑ ให้โจทก์ จึงไม่อาจเข้าเฉลี่ยหนี้จากการขายทอดตลาดทรัพย์จำนองของจำเลยที่ ๑ ผู้จำนองในฐานะเจ้าหนี้จำนองในลำดับเดียวกันกับโจทก์ผู้รับจำนองได้พิพากษายืน

Share