คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4276/2548

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

คำสั่งเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ที่อนุญาตให้ผู้ร้องเข้าสวมสิทธิเป็นเจ้าหนี้เป็นการกระทำหรือคำวินิจฉัยของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ ซึ่งกฎหมายให้สิทธิบุคคลที่ได้รับความเสียหายยื่นคำร้องคัดค้านต่อศาลตาม พ.ร.บ.ล้มละลาย พ.ศ.2483 มาตรา 146 และศาลมีอำนาจสั่งยืนตาม กลับ หรือแก้ไข หรือสั่งประการใดตามที่เห็นสมควร ซึ่งเป็นช่องทางหนึ่งที่ผู้ได้รับความเสียหายจะใช้สิทธิเยียวยาแก้ไขความเสียหายของตนทางศาลได้ แต่ไม่ใช่บทบังคับ การที่ผู้บริหารแผนไม่เลือกใช้สิทธิทางศาลตามมาตรา 146 ทำให้ผู้บริหารแผนไม่มีสิทธิที่จะยื่นคำร้องคัดค้านต่อศาลเมื่อพ้นเวลาที่กำหนดเท่านั้น และคำสั่งของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์คงมีผลอยู่ต่อไป
ผู้บริหารแผนเลือกใช้ช่องทางยื่นคำร้องขอให้เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์พิจารณาทบทวนคำสั่งของตนที่อนุญาตให้ผู้ร้องเข้าสวมสิทธิเป็นเจ้าหนี้ เป็นการขอให้เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์กระทำการหรือมีคำวินิจฉัยอื่นใดในการปฏิบัติการตามหน้าที่ เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ต้องดำเนินการพิจารณาใหม่ และคำสั่งที่อนุญาตให้ผู้ร้องสวมสิทธิเป็นเจ้าหนี้ไม่ใช่กรณีที่เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์จะต้องนำ พ.ร.บ.ล้มละลาย พ.ศ.2483 มาตรา 108 มาเทียบเคียงปรับใช้เพราะมิใช่คำสั่งยกคำขอรับชำระหนี้หรือลดจำนวนหนี้ที่เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ได้สั่งอนุญาตไปแล้วตามมาตรา 90/26 ประกอบด้วยมาตรา 108 การที่เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์มีคำสั่งเพิกถอนคำสั่งเดิมที่อนุญาตให้ผู้ร้องเข้าสวมสิทธิเป็นเจ้าหนี้แทนเจ้าหนี้ จึงมีอำนาจที่จะกระทำได้และไม่ขัดต่อมาตรา 108 และ 146

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องมาจากศาลล้มละลายกลางมีคำสั่งให้ฟื้นฟูกิจการของลูกหนี้เมื่อวันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2544 และตั้งบริษัทเอเชียนอินเตอร์เนชั่นแนล แพลนเนอร์ส จำกัด เป็นผู้ทำแผน ต่อมาวันที่ 2 ตุลาคม 2544 ศาลมีคำสั่งเห็นชอบด้วยแผนฟื้นฟูกิจการ โดยมีผู้ทำแผนเป็นผู้บริหารแผน และศาลมีคำสั่งยกเลิกการฟื้นฟูกิจการเมื่อวันที่ 12 เมษายน 2547 ระหว่างฟื้นฟูกิจการเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์มีคำสั่งอนุญาตให้บริษัทสโตนฮิลส์ เอเชีย ลิมิเต็ด เจ้าหนี้ได้รับชำระหนี้ ผู้ร้องยื่นคำร้องขอสวมสิทธิเป็นเจ้าหนี้แทนเจ้าหนี้เดิม เนื่องจากได้รับโอนสิทธิเรียกร้องเมื่อเดือนสิงหาคม 2546 เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์มีคำสั่งอนุญาต หลังจากนั้นผู้บริหารแผนยื่นคัดค้านต่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์อ้างว่าเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ไม่มีอำนาจมีคำสั่งเรื่องขอสวมสิทธิ เนื่องจากแผนฟื้นฟูกิจการได้กำหนดเรื่องการโอนสิทธิเรียกร้องไว้โดยเฉพาะแล้ว เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์จึงมีคำสั่งเพิกถอนคำสั่งเดิมที่อนุญาตให้ผู้ร้องเข้าสวมสิทธิเป็นเจ้าหนี้แทนเจ้าหนี้เดิม
ผู้ร้องยื่นคำร้องคัดค้านขอให้ศาลมีคำสั่งเพิกถอนคำสั่งเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ที่เพิกถอนคำสั่งอนุญาตให้ผู้ร้องเข้าสวมสิทธิแทนเจ้าหนี้เดิม
ผู้บริหารแผนยื่นคำคัดค้านว่า ผู้ร้องหรือบริษัทสโตนฮิลส์ เอเชีย ลิมิเต็ด เจ้าหนี้จะเป็นผู้มีสิทธิได้รับชำระหนี้ในการฟื้นฟูกิจการยังเป็นคำขอรับชำระหนี้ที่มีข้อต่อสู้ตามแผนฟื้นฟูกิจการและจะต้องไปว่ากล่าวในชั้นศาล ที่เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์เพิกถอนคำสั่งเดิมแล้วมีคำสั่งยกคำร้องขอสวมสิทธิของผู้ร้องจึงชอบแล้ว ขอให้ยกคำร้อง
ศาลล้มละลายกลางมีคำสั่งให้ยกคำร้อง ค่าฤชาธรรมเนียมให้เป็นพับ
ผู้ร้องอุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีล้มละลายวินิจฉัยว่า “มีปัญหาข้อกฎหมายต้องวินิจฉัยตามอุทธรณ์ของผู้ร้องประการเดียวว่า เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์มีอำนาจสั่งเพิกถอนคำสั่งเดิมของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ที่อนุญาตให้ผู้ร้องเข้าสวมสิทธิเป็นเจ้าหนี้แทนเจ้าหนี้เดิมหรือไม่ เห็นว่า คำสั่งเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ที่อนุญาตให้ผู้ร้องเข้าสวมสิทธิเป็นเจ้าหนี้เป็นการกระทำหรือคำวินิจฉัยของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ ซึ่งกฎหมายให้สิทธิบุคคลที่ได้รับความเสียหายยื่นคำร้องคัดค้านต่อศาลตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ.2483 มาตรา 146 ดังอุทธรณ์ของผู้ร้อง และศาลมีอำนาจสั่งยืนตาม กลับ หรือแก้ไข หรือสั่งประการใดตามที่เห็นสมควร ซึ่งเป็นช่องทางหนึ่งที่ผู้ได้รับความเสียหายจะใช้สิทธิเยียวยาแก้ไขความเสียหายของตนทางศาลได้ แต่ไม่ใช่บทบังคับดังอุทธรณ์ผู้ร้องแต่อย่างใด การที่ผู้บริหารแผนไม่เลือกใช้สิทธิทางศาลตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ.2483 มาตรา 146 นั้น ทำให้ผู้บริหารแผนไม่มีสิทธิที่จะยื่นคำร้องคัดค้านต่อศาลเมื่อพ้นเวลาที่กำหนดเท่านั้น และคำสั่งของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ดังกล่าวคงมีผลอยู่ต่อไป เมื่อผู้บริหารแผนเลือกใช้ช่องทางยื่นคำร้องขอให้เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์พิจารณาทบทวนคำสั่งของตนนั้น เป็นการขอให้เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์กระทำการหรือมีคำวินิจฉัยอื่นใดในการปฏิบัติการตามหน้าที่ของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ต้องดำเนินการพิจารณาให้ และคำสั่งประการใดดังกล่าวข้างต้นของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ไม่ใช่กรณีที่เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์จะต้องนำพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ.2483 มาตรา 108 กรณีการขอรับชำระหนี้มาเทียบเคียงปรับใช้เพราะคำสั่งอนุญาตให้ผู้ร้องเข้าสวมสิทธิเจ้าหนี้ได้หรือไม่ มิใช่คำสั่งยกคำขอรับชำระหนี้หรือลดจำนวนหนี้ที่เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ได้สั่งอนุญาตไปแล้วตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ.2483 มาตรา 90/26 ประกอบด้วยมาตรา 108 การที่เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์มีคำสั่งเพิกถอนคำสั่งเดิมของตนที่อนุญาตให้ผู้ร้องเข้าสวมสิทธิเป็นเจ้าหนี้แทนเจ้าหนี้เดิมนั้น จึงมีอำนาจที่จะกระทำได้และไม่ได้ขัดต่อพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ.2483 มาตรา 108 และ 146 ดังอุทธรณ์ผู้ร้องอย่างใด ที่ศาลล้มละลายกลางมีคำสั่งยกคำร้องของผู้ร้องนั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย อุทธรณ์ผู้ร้องฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมในชั้นนี้ให้เป็นพับ

Share