แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
เมื่อเจ้าหนี้รายที่ 3 ได้ยื่นคำขอรับชำระหนี้ในการฟื้นฟูกิจการ ปรากฏว่า เจ้าหนี้อื่น ลูกหนี้ หรือผู้ทำแผนมิได้โต้แย้งคัดค้าน เจ้าหนี้รายที่ 3 จึงเป็นเจ้าหนี้ที่มีสิทธิออกเสียงเต็มจำนวนตามที่ระบุไว้ในคำขอรับชำระหนี้นั้น ตามมาตรา 90/30 เมื่อเจ้าหนี้รายที่ 3 ไม่ได้เข้าร่วมประชุม ถือว่าเป็นเจ้าหนี้ที่มิได้ลงมติยอมรับแผนตามมาตรา 90/57 จึงมีสิทธิคัดค้านขอให้ศาลมีคำสั่งไม่เห็นชอบด้วยแผนได้ และเมื่อศาลล้มละลายกลางมีคำสั่งเห็นชอบด้วยแผนอันไม่เป็นไปตามข้อคัดค้านของเจ้าหนี้และเป็นการกระทบกระเทือนต่อสิทธิของเจ้าหนี้ เมื่อได้รับอนุญาตให้อุทธรณ์เป็นหนังสือจากอธิบดีผู้พิพากษาศาลล้มละลายกลางแล้ว เจ้าหนี้รายที่ 3 จึงมีสิทธิอุทธรณ์ได้
การที่แผนฟื้นฟูกิจการกำหนดให้เจ้าหนี้รายที่ 3 ซึ่งเป็นเจ้าหนี้เพียงรายเดียวในเจ้าหนี้กลุ่มที่ 7 และเป็นเจ้าหนี้การค้ารายใหญ่เหมือนเจ้าหนี้กลุ่มที่ 6 และที่ 8 ถูกลดหนี้ต้นเงินลงเพียงรายเดียว และให้ได้สิทธิการชำระเงินจากบริษัท ส. แทนที่จะได้รับชำระหนี้จากลูกหนี้อันเป็นการหลีกเลี่ยงการปฏิบัติตามคำชี้ขาดของอนุญาโตตุลาการและคำพิพากษา ซึ่งพิพากษาว่าลูกหนี้ไม่มีสิทธินำเงินที่ตนเป็นเจ้าหนี้มาหักกับเงินที่ต้องชำระหนี้ให้เจ้าหนี้ และเมื่อเจ้าหนี้รายที่ 3 มีฐานะเป็นเจ้าหนี้ไม่มีประกัน และเจ้าหนี้การค้ารายใหญ่ เช่นเดียวกับเจ้าหนี้กลุ่มที่ 6 และที่ 8 การที่แผนได้นำเจ้าหนี้รายที่ 3 เพียงรายเดียวไปจัดเป็นกลุ่มเจ้าหนี้ต่างหาก และได้รับการปฏิบัติไม่เท่าเทียมกับกลุ่มอื่นโดยไม่มีเหตุอันสมควร อันถือว่ามีความมุ่งหมายที่จะเลือกปฏิบัติ พฤติการณ์ดังกล่าวส่อไปในทางไม่สุจริต แผนฟื้นฟูกิจการจึงไม่ชอบด้วยกฎหมาย
ย่อยาว
คดีสืบเนื่องมาจากศาลล้มละลายกลางมีคำสั่งให้ฟื้นฟูกิจการของลูกหนี้และตั้งบริษัทคอนโซลิเดเต็ด คอนซัลแทนท์ จำกัด เป็นผู้ทำแผน เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์รายงานว่า เมื่อวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2544 ที่ประชุมเจ้าหนี้มีมติพิเศษยอมรับแผนฟื้นฟูกิจการที่มีการแก้ไขแล้วตาม พ.ร.บ. ล้มละลาย พ.ศ. 2483 มาตรา 90/46 (2) ขอให้ศาลนัดพิจารณาแผน เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ได้ส่งแจ้งความกำหนดวันนัดพิจารณาให้ผู้ทำแผน ลูกหนี้ และเจ้าหนี้ทั้งหลายทราบตาม พ.ร.บ. ล้มละลาย พ.ศ. 2483 มาตรา 90/56 แล้ว
เจ้าหนี้รายที่ 3 ยื่นคำคัดค้านว่า การจัดทำแผนฟื้นฟูกิจการขัดต่อคำชี้ขาดของอนุญาโตตุลาการซึ่งศาลได้มีคำพิพากษาถึงที่สุดแล้ว ทำให้เจ้าหนี้รายที่ 3 ได้รับความเสียหาย และเป็นการเลือกปฏิบัติให้แตกต่างจากเจ้าหนี้ไม่มีประกันกลุ่มอื่น ขอให้มีคำสั่งไม่เห็นชอบด้วยแผน
เจ้าหนี้รายที่ 11 ยื่นคำคัดค้านขอให้มีคำสั่งไม่เห็นชอบด้วยกับแผนและให้แก้ไขในส่วนของเจ้าหนี้ราชการตามคำคัดค้านต่อไป
ผู้ทำแผนและเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ไม่ยื่นคำชี้แจง
ศาลล้มละลายกลางมีคำสั่งเห็นชอบด้วยแผนฟื้นฟูกิจการตาม พ.ร.บ. ล้มละลาย พ.ศ. 2483 มาตรา 90/58
เจ้าหนี้รายที่ 3 และที่ 11 อุทธรณ์ต่อศาลฎีกา โดยอธิบดีผู้พิพากษาศาลล้มละลายกลางอนุญาตให้อุทธรณ์เป็นหนังสือ
ศาลฎีกาแผนกคดีล้มละลายวินิจฉัยว่า มีปัญหาต้องวินิจฉัยตามคำแก้อุทธรณ์ของลูกหนี้และผู้ทำแผนก่อนว่า เจ้าหนี้รายที่ 3 มีสิทธิอุทธรณ์คัดค้านคำสั่งเห็นชอบด้วยแผนหรือไม่ เนื่องจากเจ้าหนี้รายที่ 3 มิได้ร้องคัดค้านการจัดกลุ่มเจ้าหนี้ และไม่ได้ขอแก้ไขแผนในที่ประชุมเจ้าหนี้ ทั้งมิได้เข้าประชุมเจ้าหนี้เพื่อลงมติไม่ยอมรับแผนฟื้นฟูกิจการของลูกหนี้ เห็นว่า การอุทธรณ์ของเจ้าหนี้รายที่ 3 เป็นการอุทธรณ์คัดค้านคำสั่งเห็นชอบด้วยแผน เมื่อเจ้าหนี้รายที่ 3 ได้ยื่นคำขอรับชำระหนี้ในการฟื้นฟูกิจการ ปรากฏว่าเจ้าหนี้อื่น ลูกหนี้ หรือผู้ทำแผนมิได้โต้แย้งคำขอรับชำระหนี้รายนี้ เจ้าหนี้รายที่ 3 จึงเป็นเจ้าหนี้ที่มีสิทธิออกเสียงลงคะแนนได้เต็มจำนวนหนี้ตามที่ระบุไว้ในคำขอรับชำระหนี้นั้นตาม พ.ร.บ. ล้มละลาย พ.ศ. 2483 มาตรา 90/30 เมื่อเจ้าหนี้รายที่ 3 ไม่ได้เข้าร่วมประชุม ถือว่าเป็นเจ้าหนี้ที่มิได้ลงมติยอมรับแผน จึงมีสิทธิคัดค้านขอให้ศาลมีคำสั่งไม่เห็นชอบด้วยแผนได้ ตามมาตรา 90/57 และเมื่อศาลล้มละลายกลางมีคำสั่งเห็นชอบด้วยแผนอันไม่เป็นไปตามข้อคัดค้านของเจ้าหนี้รายที่ 3 ทั้งยังเป็นการกระทบกระเทือนต่อสิทธิของเจ้าหนี้ เมื่อเจ้าหนี้รายที่ 3 ได้รับอนุญาตให้อุทธรณ์เป็นหนังสือจากอธิบดีผู้พิพากษาศาลล้มละลายกลางแล้ว เจ้าหนี้รายที่ 3 จึงมีสิทธิอุทธรณ์ได้
มีปัญหาต้องวินิจฉัยตามอุทธรณ์ของเจ้าหนี้รายที่ 3 ว่า การที่แผนฟื้นฟูกิจการกำหนดให้เจ้าหนี้รายที่ 3 ซึ่งเป็นเจ้าหนี้การค้ารายใหญ่ ยกดอกเบี้ยค้างชำระทั้งหมดและให้ลดหนี้ลงจำนวนเท่ากับจำนวนยอดหนี้คงค้างจากบริษัทสยามซินเท็ค คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) โดยให้เจ้าหนี้รายที่ 3 ได้รับสิทธิการชำระเงินดังกล่าวจากบริษัทสยามซินเท็ค คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) แทนการชำระหนี้ ในส่วนหนี้ที่ยังคงค้างให้ได้รับการชำระหนี้ด้วยพื้นที่และหรือสินค้าอื่นภายใน 1 เดือน นับจากวันเริ่มดำเนินการตามแผนนั้น แผนฟื้นฟูกิจการดังกล่าวชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ เห็นว่า ตามแผนฟื้นฟูกิจการมีการแบ่งกลุ่มเจ้าหนี้ในส่วนของเจ้าหนี้การค้ารายใหญ่เป็น 3 กลุ่ม คือ เจ้าหนี้กลุ่มที่ 6 ถึงที่ 8 สำหรับเจ้าหนี้กลุ่มที่ 6 และที่ 8 ตามแผนฟื้นฟูกิจการกำหนดให้ยกดอกเบี้ยค้างชำระทั้งหมดและให้ได้รับการชำระหนี้ด้วยพื้นที่และหรือสินค้าอื่น ส่วนเจ้าหนี้รายที่ 3 ซึ่งเป็นเจ้าหนี้กลุ่มที่ 7 เพียงรายเดียว ตามแผนฟื้นฟูกิจการกำหนดให้ยกดอกเบี้ยค้างชำระทั้งหมดและให้ลดหนี้ลงจำนวนเท่ากับจำนวนยอดหนี้ที่ลูกหนี้เป็นเจ้าหนี้บริษัทสยามซินเท็ค คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) โดยให้เจ้าหนี้รายที่ 3 ได้รับสิทธิการชำระเงินดังกล่าวจากบริษัทสยามซินเท็ค คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) แทนการชำระหนี้ ในส่วนหนี้ที่ยังคงค้างให้ได้รับการชำระหนี้ด้วยพื้นที่และหรือสินค้าอื่น ซึ่งเห็นได้ว่าเจ้าหนี้รายที่ 3 ซึ่งเป็นเจ้าหนี้การค้ารายใหญ่เหมือนกับเจ้าหนี้กลุ่มที่ 6 และที่ 8 ถูกลดหนี้ต้นเงินลงเพียงรายเดียวและให้ได้สิทธิการชำระเงินจากบริษัทสยามซินเท็ค คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) แทนที่จะได้รับการชำระหนี้จากลูกหนี้ จึงเป็นการหลีกเลี่ยงการปฏิบัติตามคำชี้ขาดของอนุญาโตตุลาการและคำพิพากษาซึ่งเจ้าหนี้รายที่ 3 ฟ้องลูกหนี้และศาลพิพากษาในคดีหมายเลขแดงที่ 9302/2543 ให้ลูกหนี้ชำระหนี้พร้อมดอกเบี้ยแก่เจ้าหนี้และลูกหนี้ไม่มีสิทธินำเงินที่ตนเป็นเจ้าหนี้บริษัทสยามซินเท็ค คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) มาหักกับเงินที่ต้องชำระให้เจ้าหนี้ ซึ่งหนี้ตามคำพิพากษาดังกล่าวถึงที่สุด ดังนั้น แผนฟื้นฟูกิจการที่กำหนดให้เจ้าหนี้รายที่ 3 ลดยอดหนี้ลง และให้ได้สิทธิการชำระเงินจากบริษัทสยามซินเท็ค คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) โดยการหักชำระหนี้เต็มจำนวนแทนที่จะได้รับการชำระหนี้จากลูกหนี้ ซึ่งต่างกับเจ้าหนี้กลุ่มอื่น ๆ ที่กำหนดให้ได้รับชำระหนี้จากลูกหนี้ การหักชำระหนี้เต็มจำนวนนั้นย่อมทำให้เจ้าหนี้รายที่ 3 เสียเปรียบเจ้าหนี้รายอื่นที่ได้รับชำระหนี้จากลูกหนี้โดยตรง เมื่อเจ้าหนี้รายที่ 3 มีฐานะเป็นเจ้าหนี้ไม่มีประกันและเป็นเจ้าหนี้การค้ารายใหญ่เช่นเดียวกับเจ้าหนี้กลุ่มที่ 6 และที่ 8 การที่แผนฟื้นฟูกิจการได้นำเจ้าหนี้รายที่ 3 เพียงรายเดียวไปจัดเป็นกลุ่มเจ้าหนี้ต่างหาก และได้รับการปฏิบัติไม่เท่าเทียมกับกลุ่มอื่นโดยไม่มีเหตุอันสมควร อันถือว่ามีความมุ่งหมายที่จะเลือกปฏิบัติ พฤติการณ์ดังกล่าวส่อไปในทางไม่สุจริตโดยมีการเสนอแผนฟื้นฟูกิจการเพื่อให้ลูกหนี้หลุดพ้นจากหนี้สินบางส่วนโดยการโอนหนี้ของบุคคลภายนอกมาชำระหนี้แก่เจ้าหนี้รายที่ 3 และให้เจ้าหนี้รายที่ 3 รับผิดชอบเองในการติดตามหนี้สิน ดังนั้น แผนฟื้นฟูกิจการจึงไม่ชอบด้วยกฎหมายและทำให้เจ้าหนี้รายที่ 3 เสียเปรียบ ที่ศาลล้มละลายกลางมีคำสั่งเห็นชอบด้วยแผนมานั้นไม่ต้องด้วยความเห็นของศาลฎีกา อุทธรณ์ของเจ้าหนี้รายที่ 3 ฟังขึ้น
พิพากษากลับว่า ไม่เห็นชอบด้วยแผนฟื้นฟูกิจการ และมีคำสั่งให้ยกเลิกคำสั่งให้ฟื้นฟูกิจการของลูกหนี้ ตาม พ.ร.บ. ล้มละลาย พ.ศ. 2483 มาตรา 90/58 วรรคสาม ประกอบมาตรา 90/48 วรรคสี่ ค่าฤชาธรรมเนียมทั้งสองศาลให้เป็นพับ.