แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
เงินที่โจทก์ให้จำเลยซึ่งเป็นทนายความนำไปใช้ในการวิ่งเต้นคดี คือนำไปให้ผู้พิพากษาเพื่อจูงใจให้ผู้พิพากษาตัดสินยกฟ้องปล่อยตัวโจทก์ เป็นการกระทำเพื่อชำระหนี้ อันเป็นการผิดกฎหมายฐานให้ทรัพย์สินแก่เจ้าพนักงานเพื่อจูงใจให้กระทำการอันมิชอบด้วยหน้าที่ โจทก์จึงไม่มีสิทธิเรียกเงินนั้นคืนจากจำเลย ตาม ป.พ.พ. มาตรา 411
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยชำระเงินค่าจ้างว่าความบางส่วนเป็นเงิน 200,000 บาท คืนแก่โจทก์พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีนับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยให้การขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระเงิน 200,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันฟ้อง (วันที่ 27 กรกฎาคม 2541) จนกว่าจำเลยจะชำระเสร็จแก่โจทก์ และให้จำเลยใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์ โดยกำหนดค่าทนายความ 5,000 บาท
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 6 พิพากษายืน ให้จำเลยใช้ค่าทนายความชั้นอุทธรณ์ 1,000 บาท แทนโจทก์
จำเลยฎีกา โดยผู้พิพากษาที่ได้นั่งพิจารณาคดีในศาลชั้นต้นรับรองว่ามีเหตุสมควรที่จะฎีกาในข้อเท็จจริงได้
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า นายโกมินทร์ สามีโจทก์และโจทก์ถูกฟ้องในข้อหาความผิดต่อพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ และศาลชั้นต้นพิพากษาจำคุกนายโกมินทร์ 37 ปี 9 เดือน จำคุกโจทก์ 25 ปี 2 เดือน ตามคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 2479/2537 ของศาลชั้นต้น โจทก์จึงติดต่อให้จำเลยเป็นทนายความดำเนินกระบวนพิจารณาในชั้นอุทธรณ์และฎีกา โดยโจทก์จ่ายเงินให้จำเลยจำนวน 650,000 บาท จำเลยได้ทำอุทธรณ์และฎีกายื่นต่อศาลให้โจทก์แล้วและศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษายืน ส่วนศาลฎีกาพิพากษาลงโทษจำคุกนายโกมินทร์ 15 ปี 3 เดือน และจำคุกโจทก์ 10 ปี 2 เดือน ต่อมาโจทก์ติดต่อขอเงินจำนวนดังกล่าวคืน แต่จำเลยไม่ยอมคืนให้ เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่า เงินจำนวน 650,000 บาท เป็นเงินที่โจทก์ให้จำเลยเพื่อให้จำเลยนำไปใช้ในการวิ่งเต้นคดี คือ นำไปให้ผู้พิพากษาเพื่อจูงใจให้ผู้พิพากษาตัดสินยกฟ้องปล่อยตัวโจทก์ โจทก์จะได้ไม่ถูกจำคุก ซึ่งเป็นการกระทำเพื่อชำระหนี้ อันเป็นการผิดกฎหมายฐานให้ทรัพย์สินแก่เจ้าพนักงานเพื่อจูงใจให้กระทำการอันมิชอบด้วยหน้าที่ โจทก์จึงไม่มีสิทธิเรียกร้องเงินจำนวน 200,000 บาท คืน ทั้งนี้ตาม ป.พ.พ. มาตรา 411
พิพากษากลับ ให้ยกฟ้องโจทก์ ค่าฤชาธรรมเนียมทั้งสามศาลให้เป็นพับ.