แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ไม้ของกลางเป็นของแม่ยายจำเลย จำเลยเพียงรับจ้างหรือช่วยเหลือชักลาก ยังถือไม่ได้ว่าจำเลยเป็นผู้มีไม้ของกลางไว้ในครอบครองอันจะต้องได้รับอนุญาตตามพระราชบัญญัติป่าไม้ แต่การที่จำเลยทำการชักลากไม้ของกลางโดยรู้อยู่ว่าไม้ของกลางเป็นไม้ผิดกฎหมายและไม่ได้รับอนุญาตให้ชักลาย จำเลยต้องมีความผิดฐานชักลายไม้ของกลางโดยไม่รับอนุญาต
แม้ทางพิจารณาได้ความว่าเป็นความผิดต่อเนื่องและกระทำต่อเนื่องกันในท้องที่ 2 ตำบลแต่โจทก์บรรยายฟ้องว่า เหตุเกิดที่ตำบลหนึ่งใน 2 ตำบลนั้นเพียงตำบลเดียว แันเป็นตำบลที่เจ้าพนักงานตำรวจพบการกระทำผิดของจำเลยและจับจำเลยได้ เช่นนี้ ฟ้องก็สมบูรณ์ และเมื่อจำเลยมิได้หลงต่อสู้ ก็ไม่เป็นเหตุให้ศาลพิพากษายกฟ้องโจทก์.
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยบังอาจร่วมกับจำเลยในคดีอาญาแดงที่ ๔๒๘/๒๕๐๕ ของศาลจังหวัดพิจิตร ตัดฟันชักลากทำไม้หลวง ๑ ต้น ซึ่งเป็นไม้หวงห้ามตามกฎหมายโดยมิได้รับอนุญาต และมิได้รับสัมปทานตามพระราชบัญญัติป่าไม้และจำเลยบังอาจร่วมกับจำเลยในคดีอาญาดังกล่าวมีไม้หลวงอันเป็นไม้หวงห้ามยังมิได้แปรรูป กับทั้งมิได้มีรอยตราค่าภาคหลวง หรือรอยตรารัฐบาลขายประทับไว้ ทั้งพิสูจน์ไม่ได้ว่าได้ไม้ดังกล่าวมาโดยชอบ เนื้อไม้ ๑๐๖๙ ลูกบาศก์เมตร เหตุเกิดตำบลวังจิก อำเภอเมือง จังหวัดพิจิตร ขอให้ลงโทษ
จำเลยให้การปฏิเสธว่าไม่ได้ทำผิด จำเลยรับจ้างขนไม้โดยไม่ทราบว่าเป็นไม้ชอบด้วยกฎหมายหรือไม่
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดฐานชักลากไม้และมีไม้หลวงอันเป็นไม้หวงห้ามไว้ในครอบครองโดยไม่รับอนุญาต ตามพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ.๒๔๘๔ มาตรา ๑๑,๖๙,๗๓ แก้ไขโดยพระราชบัญญัติป่าไม้ (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๔๙๔ มาตรา ๖,๑๖,๑๗ และพระราชบัญญัติป่าไม้ (ฉบับที่ ๔) พ.ศ.๒๕๐๓ มาตรา ๑๒,๑๗ แต่ให้ลงโทษตามมาตรา ๗๓ ฐานชักลากไม้โดยไม่ได้รับอนุญาต ปรับ ๔๐๐ บาท ไม่ชำระจัดการตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๒๙,๓๐ ริบรถยนต์ของกลาง
จำเลยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกาในปัญหาข้อกฎหมายรวม ๒ ข้อ คือ ๑. ไม้ของกลางมิได้เป็นกรรมสิทธิ์ของจำเลย จำเลยรับจ้างชักบากให้นางละออง จำเลยไม่ควรมีความผิดเทียบคำพิพากษาฎีกาที่ ๑๐๗๖/๒๕๐๔ ๒. ฟ้องโจทก์เคลือบคลุมเกี่ยวกับสถานที่เกิดเหตุ โดยปรากฏตามทางพิจารณาว่าที่เกิดเหตุอยู่ในเขตอำเภอสามง่ามคนละแห่งกับที่โจทก์ฟ้องศาล
ศาลฎีกาเห็นว่า สำหรับข้อหาฐานมีไม้หวงห้ามไว้ในครอบครอง ข้อเท็จจริงฟังเป็นยุติแล้วว่า ไม้ของกลางเป็นของนางละอองแม่ยายจำเลยมีไว้ในครอบครอง จำเลยเพียงรับจ้างหรือช่วยเหลือชักลากไปยังบ้านนางละออง จึงถือไม่ได้ว่าจำเลยเป็นผู้มีไม้ของกลางไว้ในครอบครองอันจะต้องได้รับอนุญาตตามพระราชบัญญัติป่าไม้ จำเลยจึงไม่ผิดฐานนี้ส่วนข้อหาฐานชักลากไม้ของกลางโดยไม่ได้รับอนุญาตให้ชักลาก จำเลยก็ต้องมีความผิดฐานชักลากไม้ของกลางโดยไม่ได้รับอนุญาต ส่วนฎีกาข้อต่อไปนั้น เห็นว่า แม้ข้อเท็จจริงจะฟังได้ว่านางละอองซื้อไม้ของกลางจากบ้านหัวปลวก ตำบลไผ่รอบ และจำเลยทำการชักลากไม้ของกลางมาจนถึงบ้านนางละอองที่ตำบลวังจิก ถือได้ว่าจำเลยกระทำผิดฐานชักลากไม้ของกลางโดยไม่ได้รับอนุญาตต่อเนื่องกันตั้งแต่ตำบลไผ่รอบถึงตำบลวังจิก เจ้าพนักงานตรวจพบการกระทำผิดของจำเลยและจับจำเลยได้ที่ตำบลวังจิก โจทก์จึงฟ้องว่า เหตุเกิดที่ตำบลวังจิกได้ และจำเลยไม่ได้หลงต่อสู้ ไม่เป็นเหตุให้ศาลพิพากษายกฟ้องโจทก์ พิพากษาแก้ว่าจำเลยผิดเฉพาะฐานชักลากไม้หวงห้ามโดยไม่ได้รับอนุญาตตามพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ.๒๔๘๔ มาตรา ๑๑,๗๓ แก้ไขโดยพระราชบัญญัติป่าไม้ (ฉบับที่ ๓) พ.ศ.๒๔๙๔ มาตรา ๖,๑๗ พระราชบัญญัติป่าไม้ (ฉบับที่ ๔) พ.ศ.๒๕๐๓ มาตรา ๑๗ นอกจากที่แก้นี้ยืน.