คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 423/2522

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยเรียกร้องเงินจาก ต.ซ. และ จ. โดยอ้างว่าบัญชีของบุคคลดังกล่าวผิดและใบเสร็จรับเงินไม่ลงชื่อผู้รับเงิน จำเลยจะเอาเงินไปให้ ป. ซึ่งเป็นผู้ช่วยสรรพากรจังหวัดไม่ให้ไปตรวจสอบ ต. จึงมอบเงิน2,000 บาทให้จำเลยไปดังนี้ เมื่อข้อเท็จจริงปรากฏว่าป. ไม่มีหน้าที่ตรวจสอบแต่ทำหน้าที่ธุรการ ดังนั้นหน้าที่ตรวจสอบบัญชีจึงหาใช่หน้าที่โดยตรงอันสืบเนื่องมาจากการเป็นผู้ช่วยสรรพากรจังหวัดของ ป. ซึ่งทำหน้าที่ธุรการไม่ ป. จึงไม่ใช่เจ้าพนักงานที่จำเลยจะพึงให้กระทำการหรือไม่กระทำการในหน้าที่ คือตรวจสอบบัญชีอันเป็นคุณหรือเป็นโทษแก่บุคคลใดอันเป็นองค์ประกอบแห่งความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 143 ได้ การกระทำของจำเลยจึงไม่เป็นความผิดตามบทกฎหมายดังกล่าว

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยเป็นผู้รับจ้างทำบัญชีร้านค้าของนายเตียวพงษ์ แซ่เจียงนายจั้ว แซ่ตั้ง และนายซังสุน แซ่ตัน เมื่อวันที่ 20 พฤศจิกายน 2517 เวลากลางวันจำเลยบอกคนทั้งสามว่านายประกอบ อินทรนุตปิ่นบุญ ผู้ช่วยสรรพากรจังหวัดศรีสะเกษจะมาตรวจบัญชีร้านค้าให้เตรียมบัญชีและใบเสร็จรับเงินไว้ ต่อมาวันที่ 21 พฤศจิกายน 2517 เวลากลางวัน จำเลยได้ดูใบเสร็จรับเงินร้านค้าของบุคคลดังกล่าวแล้วบอกว่าใบเสร็จผิด เพราะไม่ได้ระบุในใบเสร็จว่าขายสินค้าให้ผู้ใด บุคคลดังกล่าวว่าจะทำอย่างไร จำเลยบอกว่าให้แต่ละคนนำเงินใส่ซองแล้วตนจะนำไปให้นายประกอบผู้ช่วยสรรพากรจังหวัดศรีสะเกษซึ่งเป็นเจ้าพนักงานตามกฎหมายเพื่อช่วยเหลือโดยละเว้นไม่ตรวจใบเสร็จรับเงินที่ผิดพลาด และในวันเดียวกันนี้นายเตียวพงษ์ได้ให้เงิน 2,000 บาทแก่จำเลยเพื่อนนำไปให้นายประกอบ แต่จำเลยได้เอาเงินดังกล่าวเป็นประโยชน์ส่วนตัว ไม่ได้ช่วยเหลือแต่ประการใด ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 143

จำเลยให้การปฏิเสธ

ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 143 จำคุก 2 ปี

จำเลยอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้ยกฟ้องโจทก์

โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่า จำเลยเรียกร้องเงินจากนายเตียวพงษ์ นายซังสุนและนายจั้วโดยอ้างว่าบัญชีของบุคคลดังกล่าวผิดและใบเสร็จรับเงินไม่ลงชื่อผู้รับเงิน จำเลยจะเอาเงินไปให้นายประกอบผู้ช่วยสรรพากรจังหวัดศรีสะเกษไม่ให้ไปตรวจสอบ ที่สุดนายเตียวพงษ์มอบเงิน 2,000 บาทให้จำเลย

ปัญหาว่าการกระทำของจำเลยดังกล่าวเป็นความผิดตามฟ้องโจทก์หรือไม่นั้น วินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงได้ความจากนายประกอบว่าตนไม่มีหน้าที่ตรวจสอบตนทำหน้าที่ธุรการ ดังนั้นหน้าที่ตรวจสอบบัญชีจึงหาใช่หน้าที่โดยตรงอันสืบเนื่องมาจากการเป็นผู้ช่วยสรรพากรจังหวัดของนายประกอบ ซึ่งทำหน้าที่ธุรการไม่ นายประกอบจึงไม่ใช่เจ้าพนักงานที่จำเลยจะพึงให้กระทำการหรือไม่กระทำการในหน้าที่ คือตรวจสอบอันเป็นคุณหรือเป็นโทษแก่บุคคลใดอันเป็นองค์ประกอบแห่งความผิดตามความในมาตรา 143 ได้ การกระทำของจำเลยจึงไม่เป็นความผิดตามฟ้อง

พิพากษายืน

Share