แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ฟ้องโจทก์ที่เรียกค่าเสียหายเป็นรายเดือนนับจากเดือนที่ฟ้องเป็นต้นไปพร้อมดอกเบี้ยในแต่ละเดือนด้วยนั้น เมื่อกำหนดให้จำเลยใช้ค่าเสียหายเป็นรายเดือน อันเป็นค่าเสียหายในอนาคตแล้ว โจทก์ก็ไม่อาจที่จะขอให้ชำระดอกเบี้ยในค่าเสียหายดังกล่าวมาในคราวเดียวกันอีก เพราะเป็นการซ้ำซ้อนกัน
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นเจ้าของที่ดิน ๑ แปลง เนื้อที่ ๑๔ ไร่ ราคา ๔๒,๐๐๐ บาท ตั้งอยู่หมู่ที่ ๒ บ้านเจ๊ะเก ตำบลบาโงสะโต อำเภอระแงะ จังหวัดนราธิวาส เป็นที่สวนยางและเป็นสินสมรสของบิดามารดาโจทก์ เมื่อบิดาโจทก์ตาย จึงเป็นมรดกตกได้แก่โจทก์ นายต่วนกือจิ น้องชายโจทก์ และมารดาโจทก์ ต่อมาในปี พ.ศ. ๒๕๑๒ ทายาทได้ตกลงแบ่งมรดกกัน ส่วนของโจทก์คือที่พิพาท โจทก์ได้ครอบครองทำประโยชน์ตลอดมา เมื่อประมาณ ๕ เดือนมานี้ จำเลยที่ ๑ บุตรของนายต่วนกือจิ น้องชายโจทก์ และจำเลยที่ ๒ สามีจำเลยที่ ๑ ได้ห้ามปรามคนงานของโจทก์ที่กรีดยาง แล้วร่วมกับบริวารเข้ากรีดยางในที่พิพาททำให้โจทก์ได้รับความเสียหาย สวนยางพิพาทกรีดยางแล้วโจทก์ได้ประโยชน์สุทธิวันละ ๔ กิโลกรัมราคากิโลกรัมละ ๑๕ บาท คิดเป็นเงินวันละ ๖๐ บาท เดือนหนึ่งกรีดยางได้ประมาณ ๑๕ วัน ได้เงินเดือนละ ๙๐๐ บาท จำเลยกรีดยาง ๕ เดือน เป็นค่าเสียหาย ๔,๕๐๐ บาท ขอให้พิพากษาว่าที่พิพาทเป็นของโจทก์ห้ามจำเลยและบริวารเกี่ยวข้อง ให้จำเลยทั้งสองร่วมกันใช้ค่าเสียหาย ๔,๕๐๐ บาท พร้อมดอกเบี้ย และค่าเสียหายรายเดือน เดือนละ ๙๐๐ บาท พร้อมดอกเบี้ยนับจากเดือนกุมภาพันธ์ ๒๕๒๓ (เดือนที่ยื่นฟ้อง) และเดือนต่อ ๆ ไปจนกว่าจำเลยจะออกจากที่พิพาท
จำเลยทั้งสองให้การว่า ที่พิพาทเป็นส่วนหนึ่งของที่ดินของบิดาโจทก์ เมื่อประมาณ ๑๐ ปีมานี้ บิดาโจทก์แบ่งที่ดินให้โจทก์และนายต่วนกือจิบิดาจำเลยคนละเท่า ๆ กัน บิดาจำเลยได้ทางทิศเหนือรวมทั้งที่พิพาทด้วยโจทก์ได้ทางทิศใต้ บิดาจำเลยได้ครอบครองทำประโยชน์เสียภาษีบำรุงท้องที่โจทก์ไม่เคยเข้ามาเกี่ยวข้องในที่พิพาท เมื่อบิดาโจทก์ตาย ที่พิพาทไม่เป็นทรัพย์มรดก สวนยางพิพาทแบ่งค่าแรงแล้วได้ยางวันละ ๒ กิโลกรัม ราคา ๓๐ บาท ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วฟังว่าที่พิพาทเป็นของนายต่วนกือจิไม่ใช่ของโจทก์ พิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิจารณาแล้วฟังว่า ที่พิพาทเป็นที่ดินโจทก์ได้รับตามหนังสือแบ่งมรดก ไม่ใช่ที่ดินของนายต่วนกือจิ โจทก์เสียหายเดือนละ ๗๐๐ บาท พิพากษากลับ ที่พิพาทเป็นของโจทก์ ห้ามจำเลยทั้งสองและบริวารเกี่ยวข้อง ให้จำเลยทั้งสองร่วมกันใช้ค่าเสียหาย ๓,๕๐๐ บาท พร้อมดอกเบี้ย และใช้ค่าเสียหายรายเดือนเดือนละ ๗๐๐ บาท พร้อมดอกเบี้ยนับแต่เดือนกุมภาพันธ์ ๒๕๒๓ ไปทุกเดือนจนกว่าจำเลยทั้งสองจะออกจากที่พิพาท
จำเลยทั้งสองฎีกา
ศาลฎีกาพิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยไม่ต้องเสียดอกเบี้ยในค่าเสียหายตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ ๒๕๒๓ เป็นต้นไป นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ โดยวินิจฉัยข้อกฎหมายว่า ที่ศาลอุทธรณ์ให้จำเลยใช้ค่าเสียหายเดือนละ ๗๐๐ บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปี นับแต่เดือนกุมภาพันธ์ ๒๕๒๓ ต่อไปทุกเดือน จนกว่าจำเลยทั้งสองจะออกไปจากที่พิพาทนั้น เห็นว่า เมื่อกำหนดให้จำเลยใช้ค่าเสียหายเป็นรายเดือน อันเป็นค่าเสียหายในอนาคต ซึ่งครบถ้วนตามจำนวนค่าเสียหายที่โจทก์ได้รับแล้ว โจทก์จึงไม่มีสิทธิที่จะได้รับเงินค่าดอกเบี้ยในค่าเสียหายดังกล่าวอีก เพราะเป็นการซ้ำซ้อนกัน