คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 422/2523

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยถูกผู้ตายชกต่อย 1 ที จำเลยล้มลง เมื่อลุกขึ้นได้จำเลยวิ่งหนี ต่อมาประมาณ 2-3 นาที ขณะผู้ตายยืนพูดอยู่กับเพื่อนของจำเลย จำเลยกลับมาใช้มีดปลายแหลมยาวประมาณ 1 คืบเศษแทงผู้ตาย 1 ที ที่หน้าท้องทะลุลำไส้ใหญ่เลือดตกช่องท้องถึงแก่ความตายเพราะบาดแผลดังกล่าวในวันรุ่งขึ้น ดังนี้ การกระทำของจำเลยไม่เป็นการป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมาย จำเลยมีความผิดฐานฆ่าผู้อื่นและไม่เป็นบันดาลโทสะ

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยใช้มีดปลายแหลมยาว 1 คืบ แทงบริเวณหน้าท้องผู้ตาย 1 ที โดยเจตนาฆ่า ผู้ตายได้ถึงแก่ความตายสมดังเจตนาของจำเลยขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288

จำเลยให้การปฏิเสธ

ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดฐานฆ่าผู้อื่นตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288 แต่ด้วยบันดาลโทสะตามมาตรา 72จำคุก 3 ปี

โจทก์และจำเลยอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ว่า การกระทำของจำเลยไม่เป็นกระทำโดยบันดาลโทสะ จำคุก 15 ปี

จำเลยฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ก่อนหน้าเกิดเหตุ 3-4 วัน จำเลยได้ไปกินอาหารร้านขายอาหารของพ่อตาผู้ตาย จำเลยไม่พอใจที่สั่งอาหารได้ช้าจึงล้มโต๊ะในร้านแล้วหลบหนีไป คืนเกิดเหตุผู้ตายพบจำเลยกับพวกที่ถนน จึงถามจำเลยถึงเรื่องที่ร้านขายอาหาร จำเลยแสดงกิริยาไม่พอใจ ผู้ตายชกต่อยจำเลย 1 ที จำเลยล้มลง เมื่อลุกขึ้นได้จำเลยวิ่งหนีไปทางตลาด ต่อมาประมาณ2-3 นาที ขณะผู้ตายยืนพูดอยู่กับเพื่อนของจำเลย จำเลยกลับมาใช้มีดปลายแหลมสำหรับหั่นเนื้อยาวประมาณ 1 คืบเศษ แทงผู้ตาย 1 ทีที่หน้าท้องบาดแผลยาวประมาณ 1 เศษ 1 ส่วน 2 ถึง 2 นิ้วฟุต ทะลุลำไส้ใหญ่ แพทย์รับไว้รักษาพยาบาลปรากฏว่ามีเลือดตกในช่องท้องมาก ผู้ตายถึงแก่ความตายในวันรุ่งขึ้น ดังนี้ เห็นได้ว่าการกระทำของจำเลยไม่เป็นการป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมาย จำเลยมีความผิดฐานฆ่าผู้อื่น และไม่เป็นการกระทำโดยบันดาลโทสะดังที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยมา ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย

พิพากษายืน

Share