คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4217/2528

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ข. ยังไม่มีภรรยา พาผู้เสียหายซึ่งเป็นหญิงอายุ 16ปีไปเสียจากบิดามารดาเพื่อจะเลี้ยงดูเป็นภรรยาของตนโดยผู้เสียหายเต็มใจไปด้วย ไม่ใช่พาไปเพื่อการอนาจารการกระทำของ ข. ไม่เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 319 การที่จำเลยที่ 1 และที่ 2 ช่วยพาผู้เสียหายหนีตาม ข. ไป ก็ย่อมไม่เป็นความผิดด้วย

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยทั้งสองกับพวกที่หลบหนีได้ร่วมกันพรากนางสาวสำลีหรือต้อย ศรีอมร อายุ 16 ปี ไปเสียจากนายประสิทธิ์และนางอำพัน ศรีอมรบิดามารดา เพื่อการอนาจารโดยใช้อุบายหลอกลวง โดยนางสาวสำลีหรือต้อย ศรีอมรไม่เต็มใจไปด้วย และได้ร่วมกันหน่วงเหนี่ยวกักขังนางสาวสำลีหรือต้อย ศรีอมร ให้ปราศจากเสรีภาพในร่างกาย ขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 284, 310, 318, 83 พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา(ฉบับที่ 5) พ.ศ. 2525 มาตรา 4, 9

จำเลยทั้งสองให้การปฏิเสธ

ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยทั้งสองมีความผิดฐานพรากผู้เยาว์ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 319 พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่ 5) พ.ศ. 2525 มาตรา 10 ลงโทษจำคุกจำเลยที่ 1 มีกำหนด 4 ปี จำเลยที่ 2 อายุไม่เกิน 17 ปี ลดมาตราส่วนโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 75 คงจำคุกจำเลยที่ 2 มีกำหนด 2 ปี ข้อหาอื่นให้ยก

จำเลยทั้งสองอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ยกฟ้องโจทก์สำหรับข้อหาพรากผู้เยาว์ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 319 ด้วย

โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่าผู้เสียหายกับนายไข่เป็นคู่รักกัน นายไข่ยังไม่มีภรรยานายไข่พาผู้เสียหายไปเสียจากบิดามารดาเพื่อจะเลี้ยงดูผู้เสียหายเป็นภรรยา ไม่ใช่พาไปเพื่อการอนาจาร ผู้เสียหายก็เต็มใจจะไปอยู่กับนายไข่ การกระทำของนายไข่จึงไม่เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 319 เมื่อฟังว่าการกระทำของนายไข่ไม่เป็นความผิด การที่จำเลยที่ 1 และที่ 2 ช่วยพาผู้เสียหายหนีตามนายไข่ไป ก็ย่อมไม่เป็นความผิดด้วย

Share