แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ในชั้นตรวจคำฟ้อง ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า คดีโจทก์เป็นคดีที่มีทุนทรัพย์ให้โจทก์เสียค่าขึ้นศาลโดยคิดคำนวณจากทุนทรัพย์ภายในกำหนด 15 วัน มิฉะนั้นศาลจะไม่รับคำฟ้อง คำสั่งเช่นว่านี้เป็นคำสั่งระหว่างพิจารณาต้องห้ามมิให้อุทธรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 226(1) ศาลชั้นต้นสั่งรับอุทธรณ์ของโจทก์และศาลอุทธรณ์พิพากษาสั่งให้ศาลชั้นต้นรับฟ้องของโจทก์ไว้พิจารณาต่อไป ทั้งๆ ที่ศาลชั้นต้นยังมิได้สั่งไม่รับฟ้องโจทก์ จึงเป็นการไม่ถูกต้อง กรณีเป็นหนี้อันแบ่งแยกไม่ได้แม้จำเลยที่ 3,4มิได้ฎีกา ศาลฎีกาก็มีอำนาจพิพากษาให้มีผลถึงจำเลยที่ 3,4 ด้วยตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา245(1)ประกอบด้วยมาตรา 247
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้ศาลบังคับให้จำเลยที่ 1, 2, 3 ปฏิบัติตามสัญญาเช่าสร้าง ฉบับลงวันที่ 28 สิงหาคม 2514 โดยยอมรับว่าโจทก์มีสิทธิสมบูรณ์ในการก่อสร้างอาคารบนที่ดินมรดกของนายแนบ ให้จำเลยที่ 1, 2 และ 3 ยอมรับให้ผู้ทำสัญญาจองการเช่าเข้าทำสัญญาเช่ากับจำเลยที่ 1, 2 ห้ามมิให้จำเลยที่ 1, 2, 3, 4 และบริวารทำการรบกวนสิทธิของโจทก์ ฯลฯ
ศาลชั้นต้นสั่งว่า คดีโจทก์เป็นคดีที่มีทุนทรัพย์ ให้โจทก์เสียค่าขึ้นศาลโดยคิดคำนวณจากทุนทรัพย์ภายในกำหนด 15 วัน มิฉะนั้นศาลจะไม่รับคำฟ้อง ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 18
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า ฟ้องโจทก์เป็นคดีไม่มีทุนทรัพย์ ให้ศาลชั้นต้นรับฟ้องโจทก์ไว้พิจารณาต่อไป
จำเลยที่ 1, 2 ฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า ศาลชั้นต้นเพียงสั่งให้โจทก์ชำระค่าขึ้นศาลตามจำนวนทุนทรัพย์เท่านั้น จึงเป็นคำสั่งระหว่างพิจารณา ต้องห้ามมิให้อุทธรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 226(1) ศาลชั้นต้นสั่งรับอุทธรณ์ของโจทก์ และศาลอุทธรณ์พิพากษาสั่งให้ศาลชั้นต้นรับฟ้องของโจทก์ไว้พิจารณาต่อไป ทั้ง ๆ ที่ศาลชั้นต้นยังมิได้สั่งไม่รับฟ้องโจทก์ จึงเป็นการไม่ถูกต้อง ฎีกาจำเลยที่ 1, 2 ฟังขึ้น คดีนี้เป็นหนี้อันแบ่งแยกไม่ได้ แม้จำเลยที่ 3, 4 มิได้ฎีกา ศาลฎีกาก็มีอำนาจพิพากษาให้มีผลถึงจำเลยที่ 3, 4 ด้วย ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 245(1) ประกอบด้วย มาตรา 247
พิพากษากลับ ให้บังคับคดีตามคำสั่งศาลชั้นต้น รวมทั้งจำเลยที่ 3, 4 ด้วย