คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 421/2501

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

แม้คณะกรมการอำเภอไม่ใช่นิติบุคคล นายอำเภอก็อาจฟ้องหรือถูกฟ้องได้เหมือนบุคคลธรรมดา
เมื่อโจทก์ฟ้องว่าจำเลยในฐานะนายอำเภอกระทำละเมิดสิทธิโจทก์ในที่พิพาท จำเลยต่อสู้ว่าที่พิพาทเป็นที่สาธารณะสมบัติแผ่นดินและตาม พ.ร.บ.ปกครองท้องที่ พ.ศ. 2457 มาตรา 122 กำหนดให้นายอำเภอควบคุมดูแลที่สาธารณะสมบัติของแผ่นดิน ดังนั้นโจทก์จึงมีสิทธิฟ้องขอให้ศาลห้ามจำเลยมิให้สอดเข้าเกี่ยวข้องในที่ดินของโจทก์ต่อไปได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่าโจทก์ได้ปลูกห้องแถวขั้นในที่ดินของโจทก์ จำเลยในฐานะที่เป็นนายอำเภอสัตตปีบถืออำนาจเป็นเจ้าพนักงานปกครองท้องที่สั่งห้ามมิให้โจทก์ปลูกห้องแถวลงในที่ดินของโจทก์และให้โจทก์รื้อถอน การกระทำของจำเลยเป็นการละเมิดสิทธิในทรัพย์สินของโจทก์ ขอให้ศาลห้ามจำเลยมิให้สอดเข้าเกี่ยวข้องในที่ดินของโจทก์ต่อไป
จำเลยต่อสู้ว่าที่พิพาทเป็นที่สาธารณะสมบัติแผ่นดินโจทก์ไม่มีหนังสือสำคัญแสดงกรรมสิทธิในที่ดินแต่อย่างใด โจทก์เป็นบุคคลต่างด้าวไม่อาจเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ที่ดิน โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องจำเลย
ศาลชั้นต้นสั่งงดสืบพยานจำเลย แล้ววินิจฉัยว่าตาม พ.ร.บ.ระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ. ๒๔๙๕ นั้น การฏิบัติของเจ้าพนักงานอำเภอใดอำเภอหนึ่งในจังหวัดนั้น การปฎิบัติของเจ้าพนักงานอำเภอใดอำเภอหนึ่งในจังหวัดนั้น จะต้องถือเปนการปฏิบัติของจังหวัดอันเป็นนิติบุคคล กลับมาฟ้องจำเลยจึงไม่ชอบด้วย กฎหมาย พิพากษายกฟ้องโจทก์
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายกคำพิพากษาศาลชั้นต้น ให้ศาลชั้นต้นดำเนินการพิจารณาให้เสร็จสิ้นกระแสความแล้วพิพากษาใหม่ตามรูปคดี
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่าคณะกรมการอำเภอไม่ใช่นิติบุคคลพ.ร.บ.ปกครองท้องที่ พ.ศง๒๔๕๗ มาตรา ๑๒๒ ก็กำหนดให้นายอำเภอควบคุมดูแลที่สาธารณะสมบัตินั้น ข้อหล่าวหาดังฟ้องจึงเป็น การละเมิดสิทธิของโจทก์ซึ่งจะต้องพิจารณาฟังข้อเท็จจริงกันต่อไป พิพากษายืน

Share