คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4204/2541

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

แม้ตามสัญญาจำนองที่ดินจะระบุว่า สัญญาจำนองมีกำหนดเวลา 5 ปี แต่ก็มีข้อตกลงในสัญญาจำนองเกี่ยวกับการชำระ ดอกเบี้ยไว้ว่า ผู้จำนองตกลงนำส่งดอกเบี้ยเดือนละครั้งเสมอไป ดังนั้น การที่จำเลยผู้จำนองจะไม่ต้องถูกบังคับจำนองก่อนครบเวลา 5 ปี จำเลยย่อมมีหน้าที่ต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขที่กำหนดไว้ในสัญญาจำนองคือต้องชำระดอกเบี้ยให้โจทก์เป็นรายเดือน เมื่อปรากฏว่า จำเลยไม่เคยชำระดอกเบี้ยให้แก่โจทก์เลย จำเลยจึงเป็นผู้ผิดนัด ชำระหนี้ตามสัญญาจำนองทั้งหมดโจทก์ย่อมมีอำนาจบอกกล่าวทวงถาม และฟ้องบังคับจำนองได้ โดยไม่จำต้องรอให้ครบกำหนดเวลา 5 ปี เสียก่อน ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามศาลชั้นต้นให้บังคับจำนองกับที่ดิน โฉนดเลขที่ 3382 เป็นการคลาดเคลื่อนไป โดยที่ดินแปลงที่จำเลย นำมาจำนองไว้กับโจทก์คือที่ดินโฉนดเลขที่ 3386 ศาลฎีกาควรแก้ไข เสียให้ถูกต้อง

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยชำระเงินจำนวน 450,225 บาทพร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 15 ต่อปี ในต้นเงิน 333,500 บาท นับถัดจากวันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ หากไม่ชำระให้นำที่ดินโฉนดเลขที่ 3386 ออกขายทอดตลาดและนำเงินมาชำระหนี้โจทก์จนครบถ้วน
จำเลยให้การว่า จำเลยไม่เคยกู้ยืมเงินและรับเงินจากโจทก์โจทก์มิได้บอกกล่าวบังคับจำนอง สัญญาจำนองเกิดขึ้นโดยมิชอบและจำเลยยังไม่ผิดนัดต่อโจทก์ เมื่อปี 2535 สามีจำเลยถูกเจ้าพนักงานตำรวจจับกุมในคดีเช็คจำเลยจึงตกลงกับโจทก์เรื่องหนี้สินที่สามีจำเลยค้างชำระแก่โจทก์และโจทก์คิดดอกเบี้ยล่วงหน้าเป็นเวลา 5 ปี แล้วให้จำเลยจดทะเบียนจำนองที่ดินแก่โจทก์เป็นเงิน 333,500 บาท เพื่อเป็นประกัน แล้วจึงปล่อยตัวสามีจำเลยสัญญาจำนองมีกำหนด 5 ปี โจทก์ยังไม่มีสิทธิบอกกล่าวบังคับจำนองขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระเงิน 333,500 บาทพร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 15 ต่อปี นับแต่วันที่ 11 ธันวาคม 2535จนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ แต่ดอกเบี้ยถึงวันฟ้องไม่เกิน116.725 บาท ตามขอ หากไม่ชำระให้นำที่ดินโฉนดเลขที่ 3382ออกขายทอดตลาด นำเงินชำระหนี้โจทก์
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงในเบื้องต้นรับฟังได้ว่าเมื่อปี 2535 สามีจำเลยสั่งจ่ายเช็คเพื่อชำระหนี้ค่าวัสดุก่อสร้างให้แก่โจทก์ แต่ธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินตามเช็ค โจทก์จึงแจ้งความต่อเจ้าพนักงานตำรวจให้ดำเนินคดีแก่สามีจำเลย เมื่อเจ้าพนักงานตำรวจจับกุมสามีจำเลย จำเลยได้มาทำความตกลงกับโจทก์ในอันที่จะชำระหนี้ดังกล่าวแทนสามีกับตกลงให้โจทก์เป็นผู้ไถ่ถอนที่ดินโฉนดเลขที่ 3386 ซึ่งจำเลยจำนองไว้แก่ธนาคารกรุงเทพ จำกัด แทนจำเลยด้วยแล้วรวมเงิน 2 รายการ จดทะเบียนจำนองที่ดินแปลงดังกล่าวไว้แก่โจทก์เพื่อเป็นประกันการชำระหนี้มีกำหนดเวลา 5 ปี
คดีมีปัญหาที่จะต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยเป็นข้อแรกว่าโจทก์มีอำนาจฟ้องหรือไม่ ในข้อนี้จำเลยฎีกาว่า โจทก์ฟ้องให้ชำระได้เฉพาะดอกเบี้ยที่จำเลยค้างชำระเท่านั้น จะฟ้องเรียกให้ชำระต้นเงินด้วยไม่ได้นั้นเห็นว่า แม้ตามสัญญาจำนองที่ดินจะระบุว่า สัญญาจำนองมีกำหนดเวลา 5 ปี ก็ตามแต่ก็มีข้อตกลงในสัญญาจำนองเกี่ยวกับการชำระดอกเบี้ยไว้ว่า ผู้จำนองตกลงนำส่งดอกเบี้ยเดือนละครั้งเสมอไป ดังนั้น การที่จำเลยจะไม่ต้องถูกบังคับจำนองก่อนครบเวลา 5 ปี จำเลยมีหน้าที่ต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขที่กำหนดไว้ในสัญญาจำนองคือต้องชำระดอกเบี้ยให้โจทก์เป็นรายเดือนเมื่อข้อเท็จจริงตามทางพิจารณาปรากฏว่านับตั้งแต่ทำสัญญาจำนองที่ดินไว้แก่โจทก์แล้ว จำเลยไม่เคยชำระดอกเบี้ยให้แก่โจทก์เลย จำเลยจึงเป็นผู้ผิดนัดชำระหนี้ตามสัญญาจำนองทั้งหมด โจทก์ย่อมมีอำนาจบอกกล่าวทวงถามและฟ้องบังคับจำนองได้ โดยไม่จำต้องรอให้ครบกำหนดเวลา 5 ปี เสียก่อน
อนึ่ง ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษายืนตามศาลชั้นต้นให้บังคับจำนองกับที่ดินโฉนดเลขที่ 3382 นั้นเป็นการคลาดเคลื่อนไปโดยที่ดินแปลงที่จำเลยนำมาจำนองไว้กับโจทก์คือที่ดินโฉนดเลขที่ 3386ศาลฎีกาเห็นสมควรแก้ไขเสียใหม่ให้ถูกต้อง
พิพากษาแก้เป็นว่า หากไม่ชำระหนี้ให้นำที่ดินโฉนดเลขที่ 3386ตำบลท่ามะกา อำเภอท่ามะกา จังหวัดกาญจนบุรี ออกขายทอดตลาดนำเงินมาชำระหนี้โจทก์ นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 3

Share