คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4201/2548

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ที่ 1 ยื่นคำฟ้องโดยไม่ได้แนบหลักฐานแสดงความเป็นนิติบุคคลของโจทก์ที่ 1 มาท้ายคำฟ้อง คงแนบมาเฉพาะหนังสือมอบอำนาจของโจทก์ที่ 1 ที่ให้ ท. ฟ้องคดีนี้ทำขึ้นเป็นภาษาอังกฤษโดยไม่มีคำแปลเป็นภาษาไทย จำเลยให้การว่าโจทก์อ้างว่ามีการมอบอำนาจ แต่ไม่บรรยายว่าผู้ใดเป็นกรรมการบรรษัทโจทก์ที่ 1 ซึ่งมีอำนาจกระทำการแทน เป็นฟ้องเคลือบคลุมและเอาเปรียบจำเลย ขอให้ชี้ขาดข้อกฎหมายเบื้องต้นเรื่องอำนาจฟ้อง โจทก์ที่ 1 แก้ไขเพิ่มเติมคำฟ้องโดยส่งหนังสือรับรองบรรษัทโจทก์ที่ 1 และหนังสือมอบอำนาจให้ฟ้องคดีนี้ของโจทก์ที่ 1 ที่ทำขึ้นเป็นภาษาอังกฤษ แต่ก็มิได้ส่งคำแปลเอกสารทั้งสองฉบับเป็นภาษาไทยซึ่งศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางมีคำสั่งให้โจทก์แปลเอกสารในส่วนที่เกี่ยวข้องกับประเด็นแห่งคดีแล้ว จึงเป็นการดำเนินกระบวนพิจารณาที่ผิดระเบียบ ไม่เป็นไปตามข้อกำหนดคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศ พ.ศ. 2540 ข้อ 23 ทำให้จำเลยไม่มีโอกาสบริบูรณ์ในอันที่จะตรวจโต้แย้งพยานเอกสารทั้งสองฉบับนั้น ย่อมเป็นที่เสียหายแก่จำเลยไม่ชอบด้วย พ.ร.บ. จัดตั้งศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศและวิธีพิจารณาคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศ พ.ศ. 2539 มาตรา 26 ประกอบ ป.วิ.พ. มาตรา 46 วรรคสาม พยานหลักฐานของโจทก์ที่ 1 ยังไม่พอให้รับฟังได้ว่า โจทก์ที่ 1 มอบอำนาจให้ ท. ฟ้องคดีนี้ โจทก์ที่ 1 จึงไม่มีอำนาจฟ้อง

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องและแก้ไขคำฟ้องขอให้บังคับจำเลยชำระหนี้เป็นเงิน 78,570.68 ดอลลาร์สหรัฐ และ 146,424,026.53 บาท พร้อมค่าเสียหายเป็นดอกเบี้ยจนถึงวันฟ้องเป็นเงิน 13,594.07 ดอลลาร์สหรัฐ และเป็นเงิน 386,734.95 บาท รวมเป็นเงิน 92,164.75 ดอลลาร์สหรัฐ และ 146,810,761.48 บาท ให้จำเลยชำระค่าดำเนินการทางกฎหมายเป็นเงินเท่ากับร้อยละ 10 ของจำนวนเงินที่ศาลชั้นต้นจะมีคำพิพากษาให้โจทก์ทั้งสองชนะคดี และให้จำเลยชำระค่าเสียหายเป็นดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 15 ต่อปี ของต้นเงินจำนวน 78,570.68 ดอลลาร์สหรัฐ และจำนวน 146,424,026.53 บาท นับแต่วันถัดจากวันฟ้องไปจนกว่าจะชำระเสร็จสิ้นแก่โจทก์ทั้งสอง
จำเลยให้การและแก้ไขคำให้การขอให้ยกฟ้อง
ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางพิพากษาให้จำเลยชำระหนี้เป็นเงิน 78,570.68 ดอลลาร์สหรัฐ และเป็นเงิน 6,475,715.85 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี ในต้นเงินทั้งสองจำนวนนั้นนับแต่วันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2542 ไปจนกว่าจะชำระเสร็จสิ้นแก่โจทก์ที่ 1 และให้จำเลยใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์ที่ 1 โดยกำหนดค่าทนายความให้ 50,000 บาท ให้ยกฟ้องในส่วนของโจทก์ที่ 2 ค่าฤชาธรรมเนียมระหว่างโจทก์ที่ 2 กับจำเลยให้เป็นพับ คำขออื่นให้ยก
จำเลยอุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศวินิจฉัยว่า คดีมีปัญหาว่า โจทก์ที่ 1 มีอำนาจฟ้องจำเลยหรือไม่ เห็นว่า โจทก์ยื่นคำฟ้องโดยไม่ได้แนบหลักฐานแสดงความเป็นนิติบุคคลของโจทก์ที่ 1 มาท้ายคำฟ้อง คงแนบมาเฉพาะหนังสือมอบอำนาจให้ฟ้องคดีนี้ของโจทก์ที่ 1 ที่ทำขึ้นเป็นภาษาอังกฤษ โดยไม่มีคำแปลเป็นภาษาไทย จำเลยให้การว่า ฐานะของโจทก์ที่ 1 รายละเอียดและเงื่อนไขการทำแทนโจทก์ที่ 1 เป็นประเด็นสำคัญในคดีเพราะโจทก์บรรยายฟ้องอ้างว่าได้มีการมอบอำนาจให้ผู้รับมอบอำนาจเป็นผู้ฟ้องและดำเนินคดีแทนโจทก์ที่ 1 หากบุคคลผู้รับมอบอำนาจไม่มีอำนาจกระทำการแทนโจทก์ที่ 1 แล้ว การมอบอำนาจให้ฟ้องและดำเนินคดีนี้ก็ไม่ชอบด้วยกฎหมาย อันถือได้ว่าโจทก์ที่ 1 ไม่มีอำนาจฟ้อง ที่โจทก์ไม่บรรยายฟ้องว่าผู้ใดเป็นกรรมการบรรษัทโจทก์ที่ 1 ซึ่งมีอำนาจกระทำการแทนโจทก์ที่ 1 เป็นคำฟ้องเคลือบคลุมและเป็นการเอาเปรียบจำเลย เรื่องอำนาจฟ้องเป็นเรื่องเกี่ยวกับประเด็นแพ้ชนะแห่งคดี ขอให้ศาลวินิจฉัยชี้ขาดเบื้องต้นในปัญหาข้อกฎหมายนี้ก่อนดำเนินกระบวนพิจารณาต่อไป โจทก์ได้ยื่นคำร้องขอแก้ไขเพิ่มเติมคำฟ้องในชั้นพิจารณาโดยส่งหนังสือรับรองบรรษัทโจทก์ที่ 1 และหนังสือมอบอำนาจให้ฟ้องคดีนี้ของโจทก์ที่ 1 ที่ทำขึ้นเป็นภาษาอังกฤษ แต่ก็มิได้ส่งคำแปลเอกสารทั้งสองฉบับเป็นภาษาไทย ซึ่งศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางได้มีคำสั่งให้โจทก์แปลเอกสารในส่วนที่เกี่ยวข้องกับประเด็นแห่งคดีแล้ว การที่โจทก์ที่ 1 ไม่ทำคำแปลเอกสารทั้งสองฉบับนี้ในชั้นพิจารณาเป็นการดำเนินกระบวนพิจารณาที่ผิดระเบียบ ไม่เป็นไปตามข้อกำหนดคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศ พ.ศ. 2540 ข้อ 23 ทำให้จำเลยไม่มีโอกาสบริบูรณ์ในอันที่จะตรวจโต้แย้งพยานเอกสารทั้งสองฉบับนั้น ย่อมเป็นที่เสียหายแก่จำเลย ไม่ชอบด้วย พ.ร.บ. จัดตั้งศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศและวิธีพิจารณาคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศ พ.ศ. 2539 มาตรา 26 ประกอบ ป.วิ.พ. มาตรา 46 วรรคสาม พยานหลักฐานของโจทก์ที่ 1 ยังไม่พอให้รับฟังว่าโจทก์ที่ 1 ได้มอบอำนาจให้นายโทมัส พี. โคล ฟ้องคดีนี้ โจทก์ที่ 1 จึงไม่มีอำนาจฟ้องจำเลย อุทธรณ์ข้อนี้ของจำเลยฟังขึ้น เมื่อได้วินิจฉัยว่าโจทก์ที่ 1 ไม่มีอำนาจฟ้องจำเลยแล้ว กรณีจึงไม่จำต้องวินิจฉัยอุทธรณ์ของจำเลยข้ออื่นอีกต่อไป เพราะไม่ทำให้ผลแห่งคดีเปลี่ยนแปลง
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ยกฟ้องของโจทก์ที่ 1 เสียด้วย ให้โจทก์ที่ 1 ใช้ค่าฤชาธรรมเนียมทั้งสองศาลแทนจำเลยโดยกำหนดค่าทนายความรวม 100,000 บาท นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลาง.

Share