คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 42/2541

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

การร้องขอให้พิจารณาคำขอดำเนินคดีอย่างคนอนาถาใหม่เพื่ออนุญาตให้นำพยานหลักฐานมาแสดงเพิ่มเติมว่าเป็นคนยากจนตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 156วรรคสี่นั้น กฎหมายมิได้บังคับว่าเมื่อมีผู้ยื่นคำร้องขอดังกล่าวศาลจะต้องอนุญาตและทำการไต่สวน จึงเป็นดุลพินิจของศาลที่จะสั่งอนุญาตหรือไม่อนุญาตก็ได้แล้วแต่พฤติการณ์แห่งคดี เมื่อคำร้องขอไม่ได้ระบุว่าจำเลยมีพยานหลักฐานเพิ่มเติมอื่นใดอันจะทำให้เห็นว่าฐานะของจำเลยมิได้เป็นดังเช่นที่ศาลชั้นต้นได้วินิจฉัยไว้แล้ว จึงเป็นการยื่นคำร้องขอที่เลื่อนลอย ไม่มีเหตุสมควรที่จะอนุญาตให้จำเลยนำพยานหลักฐานมาแสดงเพิ่มเติมอีก

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องมาจากศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยส่งมอบตลาดคลองโอ่งอ่างแก่โจทก์ ให้จำเลยชำระค่าเสียหายจำนวน8,232,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี จากต้นเงินดังกล่าวนับจากวันฟ้องกับให้ชำระค่าเสียหายวันละ10,000 บาท ค่าขาดประโยชน์จากการให้เช่าแผงลอยอีกเดือนละ341,000 บาท นับจากวันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ คำขออื่นนอกจากนี้ให้ยก
จำเลยอุทธรณ์ และยื่นคำร้องขออุทธรณ์อย่างคนอนาถา
ศาลชั้นต้นไต่สวนแล้ว มีคำสั่งให้ยกคำร้อง
จำเลยยื่นคำร้องขอให้ศาลชั้นต้นรับพิจารณาคำขอใหม่เพื่ออนุญาตให้จำเลยนำพยานหลักฐานมาแสดงเพิ่มเติมว่าเป็นคนยากจน
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ยกคำร้อง
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์มีคำสั่งให้ยกอุทธรณ์คำสั่งของจำเลย
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “มีปัญหาที่ต้องวินิจฉัยในชั้นนี้ตามฎีกาจำเลยเพียงว่า เมื่อจำเลยยื่นคำร้องขอให้ศาลชั้นต้นรับพิจารณาคำขอใหม่เพื่ออนุญาตให้จำเลยนำพยานหลักฐานมาแสดงเพิ่มเติมว่าเป็นคนยากจนตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 156 วรรคสี่ ศาลชั้นต้นชอบที่จะต้องรับคำร้องขอไว้แล้วนัดไต่สวนคำร้องเสียก่อน ไม่มีอำนาจที่จะยกคำร้องขอโดยมิได้ไต่สวนและที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงฟังไม่ได้ว่าจำเลยยากจนถึงกับไม่มีทรัพย์สินพอจะเสียค่าธรรมเนียมในชั้นอุทธรณ์ก็เป็นการพิเคราะห์จากพยานหลักฐานที่จำเลยนำสืบในชั้นแรก เมื่อจำเลยมีสิทธินำพยานหลักฐานมาแสดงเพิ่มเติมว่าจำเลยเป็นคนยากจนจริงก็ต้องให้โอกาสจำเลยนำพยานมาแสดงเพิ่มเติมมิใช่ยกคำร้องขอเสียเลย พิเคราะห์แล้วเห็นว่าการร้องขอให้พิจารณาคำขอดำเนินคดีอย่างคนอนาถาใหม่ เพื่ออนุญาตให้นำพยานหลักฐานมาแสดงเพิ่มเติมว่าเป็นคนยากจนตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 156 วรรคสี่ นั้นกฎหมายมิได้บังคับว่าเมื่อมีผู้ยื่นคำร้องขอดังกล่าวศาลจะต้องอนุญาตและทำการไต่สวน จึงเป็นดุลพินิจของศาลที่จะสั่งอนุญาตหรือไม่อนุญาตก็ได้แล้วแต่พฤติการณ์แห่งคดี คดีนี้ศาลชั้นต้นไต่สวนคำร้องขออุทธรณ์อย่างคนอนาถาของจำเลยแล้วได้ความว่าบริษัทจำเลยยังเปิดดำเนินกิจการอยู่ ภายในสำนักงานของบริษัทมีทรัพย์สินและเครื่องใช้ต่าง ๆ ทั้งจำเลยยังมีรายได้จากการเก็บค่าเช่า พยานหลักฐานของจำเลยฟังไม่ได้ว่าจำเลยยากจนจริงให้ยกคำร้องขออุทธรณ์อย่างคนอนาถาของจำเลย จำเลยยื่นคำร้องขอให้ศาลชั้นต้นพิจารณาคำขอของจำเลยใหม่ เพื่ออนุญาตให้จำเลยนำพยานหลักฐานมาแสดงเพิ่มเติมว่าเป็นคนยากจน แต่ในคำร้องขอไม่ได้ระบุว่าจำเลยมีพยานหลักฐานเพิ่มเติมอื่นใดอันจะทำให้เห็นว่าฐานะของจำเลยมิได้เป็นดังเช่นที่ศาลชั้นต้นได้วินิจฉัยไว้แล้วจึงเป็นการยื่นคำร้องขอที่เลื่อนลอยไม่มีเหตุสมควรที่จะอนุญาตให้จำเลยนำพยานหลักฐานมาแสดงเพิ่มเติมอีก ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์วินิจฉัยชอบแล้ว ฎีกาจำเลยฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน หากจำเลยยังประสงค์ที่จะอุทธรณ์คำพิพากษาศาลชั้นต้น ก็ให้นำเงินค่าธรรมเนียมมาชำระต่อศาลชั้นต้นภายในกำหนด 10 วัน นับแต่วันทราบคำพิพากษานี้

Share