แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา
ย่อสั้น
บริษัท ส. ผู้ส่งกับจำเลยที่ 2 ผู้ขนส่งมีข้อตกลงยกเว้นความรับผิดของจำเลยที่ 2 ซึ่งใช้บังคับได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 625 มีผลให้บริษัท ส. ไม่อยู่ในฐานะเจ้าหนี้ที่จะมีสิทธิเรียกร้องค่าเสียหายจากจำเลยที่ 2 แม้โจทก์ได้ชดใช้ค่าสินไหมทดแทนให้แก่บริษัท ส. ไปก็เป็นการปฏิบัติไปตามข้อสัญญาในกรมธรรม์ประกันภัยที่โจทก์ทำไว้กับบริษัท ส. แต่หาอาจก่อให้เกิดสิทธิแก่โจทก์ที่จะรับช่วงสิทธิจากบริษัท ส. มาฟ้องจำเลยที่ 2 ให้รับผิดต่อโจทก์ได้ไม่
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์รับประกันภัยการขนส่งกระจกไว้จากบริษัทสยาม วี.เอ็ม.ซี จำกัดและบริษัทสยาม วี.เอ็ม.ซี กระจกนิรภัย จำกัด ซึ่งว่าจ้างให้จำเลยที่ 2 เป็นผู้ขนส่งโดยจำเลยที่ 2 มีจำเลยที่ 1 และนายประดิษฐ์ พรวิเศรษฐสิริกุล เป็นลูกจ้างหรือตัวแทนในการขับรถยนต์บรรทุกขนส่งสินค้าดังกล่าวไปในทางการที่จ้างของจำเลยที่ 2 ปรากฏว่า เมื่อวันที่ 13 พฤษภาคม 2536 จำเลยที่ 1 ขับรถยนต์บรรทุกด้วยความประมาทโดยขับรถด้วยความเร็วสูงจนไม่สามารถควบคุมรถได้ เป็นเหตุให้รถยนต์บรรทุกเสียหลักชนราวสะพานกระจกที่บรรทุกไปได้รับความเสียหายเป็นเงิน 245,000 บาท และเมื่อวันที่ 27 พฤษภาคม2536 นายประดิษฐ์ขับรถยนต์บรรทุกด้วยความประมาท โดยขับรถด้วยความเร็วสูงขณะเลี้ยวรถเป็นเหตุให้รถยนต์บรรทุกเสียหลักพลิกคว่ำ กระจกที่บรรทุกไปได้รับความเสียหายเป็นเงิน 252,613 บาท เมื่อวันที่ 21 กันยายน 2536 โจทก์ได้จ่ายค่าสินไหมทดแทนให้แก่ผู้เอาประกันภัยรวม 491,613 บาท จึงรับช่วงสิทธิจากผู้เอาประกันภัยมาฟ้องจำเลยทั้งสอง จำเลยที่ 1 ต้องรับผิดในค่าสินไหมทดแทนจำนวน 242,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับถึงวันฟ้องเป็นเงิน 11,635 บาท จำเลยที่ 2 ในฐานะนายจ้างหรือตัวการของจำเลยที่ 1 และนายประดิษฐ์ต้องร่วมรับผิดในค่าสินไหมทดแทนจำนวน 491,613 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปีนับถึงวันฟ้องเป็นเงิน 23,637 บาท ขอให้บังคับจำเลยที่ 1 ชำระเงินจำนวน 253,635 บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี ของต้นเงินจำนวน 242,000 บาท นับถัดจากวันฟ้องไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์และให้จำเลยที่ 2 ร่วมรับผิดชำระเงินจำนวน 515,250 บาทพร้อมด้วยดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี ของต้นเงินจำนวน 491,613 บาท นับถัดจากวันฟ้องไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยที่ 1 ให้การว่า จำเลยที่ 1 เป็นผู้ขับรถยนต์บรรทุกคันเกิดเหตุ แต่จำเลยที่ 1 มิใช่ลูกจ้างหรือตัวแทนของจำเลยที่ 2 จำเลยที่ 1 จึงไม่ต้องรับผิดต่อผู้ว่าจ้างให้ขนส่งโจทก์ในฐานะผู้รับประกันภัย จึงไม่มีอำนาจรับช่วงสิทธิมาฟ้อง ขอให้ยกฟ้อง
จำเลยที่ 2 ให้การว่า จำเลยที่ 2 เคยรับจ้างบรรทุกสินค้าของบริษัทสยาม วี.เอ็ม.ซีจำกัด แต่มีข้อตกลงยกเว้นความรับผิดไว้ชัดแจ้งว่า จำเลยที่ 2 ไม่ต้องรับผิดในความเสียหายของกระจกรับจ้างบรรทุก โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้อง ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 7 พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “โจทก์ฎีกาข้อแรกว่า ข้อตกลงยกเว้นความรับผิดที่ไม่รับประกันความเสียหายของสินค้าที่ขนส่ง เป็นข้อตกลงระหว่างบริษัทสยาม วี.เอ็ม.ซี จำกัด และบริษัทสยาม วี.เอ็ม.ซี กระจกนิรภัย จำกัด กับจำเลยที่ 2 ไม่อาจยกขึ้นเป็นข้อต่อสู้โจทก์ซึ่งเป็นบุคคลภายนอกนั้น เห็นว่า เมื่อบริษัทสยาม วี.เอ็ม.ซี จำกัด และบริษัทสยาม วี.เอ็ม.ซี กระจกนิรภัย จำกัด ผู้ส่ง กับจำเลยที่ 2 ผู้ขนส่ง ได้ตกลงกันชัดแจ้งในการยกเว้นความรับผิดของจำเลยที่ 2 ข้อตกลงยกเว้นความรับผิดดังกล่าวมีผลใช้บังคับได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 625 และมีผลให้บริษัททั้งสองไม่อยู่ในฐานะเจ้าหนี้ที่จะมีสิทธิเรียกร้องค่าเสียหายจากจำเลยที่ 2 โจทก์ซึ่งเป็นผู้รับประกันภัยย่อมเข้ารับช่วงสิทธิของบริษัททั้งสองซึ่งเป็นผู้เอาประกันภัยเพียงเท่าที่สิทธิของผู้เอาประกันภัยมีอยู่ แม้โจทก์ได้ชดใช้ค่าสินไหมทดแทนให้แก่บริษัททั้งสองไปก็เป็นการปฏิบัติไปตามข้อสัญญาในกรมธรรม์ประกันภัยที่โจทก์ทำไว้กับบริษัททั้งสอง แต่หาอาจก่อให้เกิดสิทธิแก่โจทก์ที่จะรับช่วงสิทธิจากบริษัททั้งสองนำคดีมาฟ้องจำเลยที่ 2 ให้รับผิดต่อโจทก์ได้คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5809/2539 ที่โจทก์อ้างมาในฎีกานั้นข้อเท็จจริงไม่ตรงกับคดีนี้ศาลอุทธรณ์ภาค 7 วินิจฉัยปัญหาข้อนี้ชอบแล้ว ฎีกาของโจทก์ในข้อนี้ฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน