คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4180/2528

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยและบริวารออกจากที่ดินและสิ่งปลูกสร้างที่ปลูกอยู่บนที่ดินซึ่งโจทก์รับซื้อฝากไว้จากจำเลย โดยอ้างว่าจำเลยขออาศัยอยู่ในที่ดินและสิ่งปลูกสร้างดังกล่าวการขายฝากนั้นกรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินที่ขายฝากย่อมตกได้แก่ผู้รับซื้อฝากคือโจทก์ ตั้งแต่วันจดทะเบียนการขายฝาก เพียงแต่จำเลยผู้ขายฝากมีสิทธิที่จะไถ่ทรัพย์คืนได้ภายในกำหนดสัญญาเท่านั้น ในขณะที่โจทก์ฟ้องโจทก์ยังเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินดังกล่าว จำเลยมิได้ให้การต่อสู้ว่ามีสิทธิอย่างใดที่จะอยู่ในที่ดินของโจทก์ ทั้งในสัญญาขายฝากก็มิได้ระบุให้สิทธิแก่จำเลยไว้ เมื่อโจทก์ไม่ต้องการให้จำเลยอาศัยอยู่ต่อไปและได้บอกกล่าวแล้วจำเลยก็ไม่มีสิทธิที่จะอยู่ และที่จำเลยอ้างว่าตึกแถวตามเลขที่ที่ระบุในสัญญาขายฝากเป็นคนละเลขที่กับตึกแถวที่ตกลงขายฝากกันก็มิใช่ประเด็นที่จะต้องพิจารณาในคดีนี้ เพราะถึงอย่างไรจำเลยก็ต้องออกไปจากที่ดินของโจทก์ตามฟ้อง ทรัพย์สินที่โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยแม้โจทก์จะอ้างว่าอาจให้เช่าได้ไม่ต่ำกว่าเดือนละ 5,000 บาท แต่ศาลชั้นต้นเห็นว่าทรัพย์สินดังกล่าวไม่อยู่ในทำเลการค้า กำหนดค่าเสียหายให้เพียงเดือนละ 2,000 บาท โจทก์มิได้อุทธรณ์จึงถือได้ว่าทรัพย์พิพาทอาจให้เช่าได้ไม่เกินเดือนละ 5,000 บาทต้องห้ามมิให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 248

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์รับซื้อฝากที่ดินโฉนดเลขที่ 9689 พร้อมด้วยตึกแถวเลขที่ 39/2 และบ้านไม้ 1 หลัง ที่ปลูกอยู่บนที่ดินดังกล่าวไว้จากจำเลยโดยจำเลยขออาศัยอยู่ในที่ดินเป็นการชั่วคราว เมื่อครบกำหนด จำเลยมิได้ไถ่การขายฝาก ทรัพย์ดังกล่าวเป็นของโจทก์ โจทก์ไม่ต้องการให้จำเลยอาศัยอยู่ต่อไป ได้บอกกล่าวแล้ว แต่จำเลยและบริวารไม่ยอมขนย้ายออกไป ทำให้โจทก์เสียหายขาดรายได้จากการที่จะนำไปให้ผู้อื่นเช่าไม่ต่ำกว่าเดือนละ 5,000 บาท ขอให้ศาลพิพากษาและบังคับ

จำเลยให้การว่า ตึกแถวที่ขายฝากเป็นตึกแถวเลขที่ 39/1 มิใช่ 39/2 ที่อยู่ในที่ดินคนละแปลง โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง ขอให้ยกฟ้อง

ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า สิ่งปลูกสร้างบนที่ดินโฉนดเลขที่ 9689 เป็นตึกแถวเลขที่ 39/2 ตรงตามที่ระบุไว้ในสัญญาขายฝาก โจทก์มีอำนาจฟ้อง และโจทก์เสียหายเดือนละ 2,000 บาท พิพากษาให้จำเลยและบริวารขนย้ายออกไปจากที่ดินและสิ่งปลูกสร้างบนที่ดินตามฟ้อง และให้จำเลยใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์เดือนละ 2,000 บาท

จำเลยอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

จำเลยฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยและบริวารออกจากที่ดินโฉนดเลขที่ 9689 กับตึกแถวเลขที่ 39/2 และบ้านไม้สองชั้น 1 หลัง ที่ปลูกอยู่บนที่ดินดังกล่าวซึ่งโจทก์รับซื้อฝากไว้จากจำเลย โดยอ้างว่าจำเลยขออาศัยอยู่ในที่ดินและสิ่งปลูกสร้างดังกล่าว การขายฝากนั้นกรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินที่ขายฝากย่อมตกได้แก่ผู้รับซื้อฝากคือโจทก์ ตั้งแต่วันจดทะเบียนการขายฝาก เพียงแต่จำเลยผู้ขายฝากมีสิทธิที่จะไถ่ทรัพย์คืนได้ภายในกำหนดสัญญาเท่านั้น ในขณะที่โจทก์ฟ้องโจทก์ยังเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินที่พิพาท จำเลยมิได้ให้การต่อสู้ว่าจำเลยมีสิทธิอย่างใดที่จะอยู่ในที่ดินของโจทก์ ทั้งในสัญญาขายฝากเอกสารหมาย จ.2 ก็มิได้ระบุให้สิทธิแก่จำเลยไว้ เมื่อโจทก์ไม่ต้องการให้จำเลยอาศัยอยู่ต่อไปและได้บอกกล่าวแล้วจำเลยก็ไม่มีสิทธิที่จะอยู่ ที่จำเลยอ้างว่าตึกแถวตามเลขที่ที่ระบุในสัญญาขายฝากเป็นคนละเลขที่กับตึกแถวที่ตกลงขายฝากกัน ก็มิใช่ประเด็นที่จะต้องพิจารณาในคดีนี้ เพราะถึงอย่างไรจำเลยก็ต้องออกไปจากที่ดินของโจทก์ตามฟ้อง

ประเด็นข้อสุดท้ายคือเรื่องค่าเสียหายนั้น เห็นว่าทรัพย์สินที่โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยแม้โจทก์จะอ้างว่าอาจให้เช่าได้ไม่ต่ำกว่าเดือนละ 5,000 บาท แต่ศาลชั้นต้นเห็นว่าทรัพย์พิพาทไม่ได้อยู่ในทำเลการค้ากำหนดค่าเสียหายให้เพียงเดือนละ 2,000 บาทโจทก์มิได้อุทธรณ์ จึงถือได้ว่าทรัพย์พิพาทอาจให้เช่าได้ไม่เกินเดือนละ 5,000 บาทต้องห้ามมิให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 248 ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย สรุปแล้ว เห็นว่าที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาให้จำเลยเป็นฝ่ายแพ้คดีนั้นศาลฎีกาเห็นพ้องด้วยในผล ฎีกาจำเลยฟังไม่ขึ้น

พิพากษายืน

Share