แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์ฟ้องจำเลยที่ 1 ในฐานะผู้กู้ จำเลยที่ 2 ในฐานะผู้ค้ำประกันให้ชำระเงินคืน จำเลยทั้งสองให้การใจความว่าจำเลยที่ 1 ได้ทำสัญญากู้และจำเลยที่ 2 ได้ทำสัญญาค้ำประกันให้โจทก์ไว้จริง โดยโจทก์ตกลงซื้อไม้แปรรูปจากจำเลยที่ 1 และได้วางมัดจำไว้ 50,000 บาท แต่โจทก์ขอให้จำเลยเขียนเป็นสัญญากู้ให้โจทก์ยึดถือเป็นหลักฐานการวางมัดจำ ครั้นเมื่อจำเลยส่งมอบไม่ให้โจทก์ตามสัญญา โจทก์กลับไม่ยอมตรวจรับไม้ จึงเป็นฝ่ายผิดสัญญาไม่มีสิทธิเรียกร้องให้จำเลยรับผิดตามสัญญากู้และสัญญาค้ำประกัน ตามคำให้การของจำเลยเท่ากับต่อสู้ว่าสัญญากู้และค้ำประกันตามฟ้องไม่สมบูรณ์ ซึ่งจำเลยมีสิทธินำสืบตามข้อต่อสู้ได้
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ ๕ ตุลาคม ๒๕๑๖ จำเลยที่ ๑ กู้เงินโจทก์ไป ๕๐,๐๐๐ บาท ให้ดอกเบี้ยชั่งละ ๑ บาทต่อเดือน จะชำระคืนภายในวันที่ ๑ พฤษภาคม ๒๕๑๗ จำเลยที่ ๒ เป็นผู้ค้ำประกัน ครบกำหนดจำเลยที่ ๑ ไม่ชำระเงินต้นและดอกเบี้ยขอให้จำเลยที่ ๑ ที่ ๒ ร่วมกันชำระเงินต้น ๕๐,๐๐๐ บาท นับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยทั้งสองให้การว่า จำเลยที่ ๑ ได้ทำสัญญากู้และจำเลยที่ ๒ ได้ทำสัญญาค้ำประกันให้โจทก์ไว้จริง แต่มิได้มีเจตนาให้ผูกพันกันตามสัญญากู้ ความจริงโจทก์ตกลงซื้อไม้แปรรูปจากจำเลยที่ ๑ ได้วางมัดจำไว้ ๕๐,๐๐๐ บาท แต่โจทก์ขอให้จำเลยเขียนเป็นสัญญากู้ให้โจทก์ยึดถือเป็นหลักฐานการวางมัดจำ ครั้นเมื่อจำเลยส่งมอบไม้ให้โจทก์ตามสัญญา โจทก์กลับไม่ยอมตรวจรับไม้ โจทก์จึงเป็นฝ่ายผิดสัญญา ขอให้ยกฟ้อง
วันชี้สองสถานจำเลยแถลงว่าหนี้รายนี้เกี่ยวพันกับเรื่องไม้ที่จำเลยที่ ๑ ส่งให้โจทก์ โจทก์ไม่รับ จำเลยที่ ๑ ได้รับความเสียหาย ขอให้หักค่าเสียหายให้จำเลยบ้าง โจทก์แถลงว่าเป็นคนละเรื่องกัน ไม่ยอมลดหนี้ให้จำเลย ศาลชั้นต้นงดสืบพยานและวินิจฉัยว่า จำเลยรับว่าได้ทำหนังสือสัญญากู้และสัญญาค้ำประกันและรับว่าเป็นหนี้โจทก์อยู่จริงตามฟ้อง ต้องรับผิดตามสัญญาที่ทำไว้ พิพากษาให้จำเลยร่วมกันชำระเงินตามฟ้องแก่โจทก์
จำเลยทั้งสองอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่าตามคำให้การของจำเลยเท่ากับจำเลยต่อสู้ว่าสัญญากู้ไม่สมบูรณ์ เป็นประเด็นสำคัญซึ่งจำเลยมีสิทธินำสืบตามข้อต่อสู้ได้ จำเป็นต้องสืบพยานโจทก์จำเลยเสียก่อน พิพากษาคำพิพากษาศาลชั้นต้น ให้ศาลชั้นต้นสืบพยานต่อไปแล้วพิพากษาใหม่
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วยกับคำวินิจฉัยของศาลอุทธรณ์ว่าตามคำให้การของจำเลยเท่ากับต่อสู้ว่าสัญญากู้และค้ำประกันตามฟ้องไม่สมบูรณ์ จำเป็นต้องสืบพยานฟังข้อเท็จจริงให้ได้ความเสียก่อนพิพากษาคดี
พิพากษายืน