แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ฟ้องว่าตั้งตัวแทนให้นำเงินไปชำระค่าที่ดินแทน ตัวแทนเอาเงินนั้นไปชำระให้ผู้ขายแต่เพียงบางส่วน ซ้ำยังใส่ชื่อตนเองเป็นผู้ซื้อที่ดินเสียด้วย จึงขอให้ศาลบังคับตัวแทนยอมให้ตัวการลงชื่อเป็นเจ้าของที่ดิน หรือถ้าบังคับไม่ได้ก็ให้บังคับให้คืนเงินให้ ดังนี้กรณีไม่ต้องด้วย ป.พ.พ. มาตรา 798 จึงไม่จำต้องมีหลักฐานการตั้งตัวแทนเป็นหนังสือ (เทียบฎีกาที่ 640/2489)
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่าโจทก์ได้ตกลงซื้อที่ดินมีโฉนดจากนางคำมีเป็นเงิน ๕,๕๐๐ บาท ถึงกำหนดชำระเงินโจทก์ป่วย จึงมอบเงินจำนวนนั้นให้จำเลยนำไปชำระแทนโจทก์ จำเลยชำระเงินให้นางคำมีเพียง ๓,๕๐๐ บาท และให้นางคำมีทำหนังสือจะซื้อขายที่ดินไว้ก่อนในนามจำเลยเป็นผู้จะซื้อ ต่อมานางคำมีนัดโจทก์ไปรับโอนที่ดินยังหอทะบเียน จำเลยรับจะนำเงินอีก ๒,๐๐๐ บาทไปให้นางคำมีด้วยแต่ครั้นแล้วกลับหลีกเลี่ยงไม่ไปหอทะเบียนตามนัด โจทก์ทวงถามจำเลยกลับอ้างว่าจำเลยยอมให้โจทก์ลงชื่อเป็นเจ้าของที่ดินแปลงพิพาท และให้จำเลยคืนเงิน ๒,๐๐๐ บาท หรือถ้าบังคับไม่ได้ก็ให้จำเลยคืนเงิน ๕,๕๐๐ บาทแก่โจทก์
จำเลยต่อสู้ว่าว่าโจทก์ไม่เคยมอบเงิน ๕,๕๐๐ บาทแก่จำเลยเพื่อไปซื้อที่ดินแทนโจทก์ เงินที่ซื้อเป็นเงินของจำเลยเอง และตัดฟ้องว่าโจทก์ไม่มีหลักฐานเป็นหนังสือในการที่กล่าวอ้างว่าจำเลยเป็นตัวแทนโจทก์ไปทำสัญญาจะซื้อที่ดิน ขัดกับ ป.พ.พ. มาตรา ๗๙๘ โจทย์ฟ้องบังคับคดีไมไ่ด้
ศาลชั้นต้นสั่งให้โจทก์สืบก่อน แต่พอถึงวันนัดให้งดสืบเพราะเป็นประเด็นหารือบทว่าจำเลยได้รับเงิน ๕,๕๐๐ บาทจากโจทก์เพื่อชำระให้นางคำมีแทนโจทก์หรือไม่ และถ้ารับ รับไปในฐานะตัวแทนซื้อที่ดินหรือไม่ แต่ปรากฎว่าโจทก์ไม่ได้มีหลักฐานเป็นหนังสือว่าตั้งจำเลยเป็นตัวแทนไปซื้อที่ดิน ย่อมขัดต่อ ป.พ.พ. มาตรา ๗๙๘ พิพากษายกฟ้อง แต่ไม่ตัดสิทธิโจทก์ที่จะฟ้องใหม่ในประเด็นที่ว่าจำเลยรับเงินไปจากโจทก์
โจทก์อุทธรณ์ศาลอุทธรณ์เห็นว่าคดีนี้เป็นเรื่องโจทก์เรียกร้องเอาที่ดินซึ่งมอบหมายให้จำเลยไปซื้อแทนหรือให้จำเลยคืนเงินซึ่งรับไปเป็นค่าที่ดิน ไม่ต้องด้วย ป.พ.พ. มาตรามาตรา ๗๙๘ ไม่จำต้องมีหลักฐานการตั้งตัวแทนเป็นหนังสือ พิพากษายก ให้ศาลชั้นต้นพิจารณาพิพากษาใหม่
จำเลยฎีกา ศาลฎีกาเห็นว่าคดีนี้เป็นเรื่องโจทก์ฟ้องเรียกเอาประโยชน์ที่ตัวแทนได้รับไว้จากการที่โจทก์มอบหมายให้ไปทำการแทน ถ้าบังคับไม่ได้ก็ให้จำเลยคืนเงินที่ได้รับมอบหมายคืนให้โจทก์ ไม่ต้องด้วย ป.พ.พ. มาตรา ๗๙๘ ตามนัยฎีกาที่ ๖๔๐/๒๔๙๘ จึงพิพากษายืน