คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4173/2535

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

โจทก์เคยฟ้องจำเลยทั้งสามในเรื่องเดียวกันนี้ครั้งหนึ่งแล้วแต่ศาลพิพากษายกฟ้องเนื่องจากพยานหลักฐานโจทก์ไม่พอรับฟังว่าว.ซึ่งเป็นกรรมการผู้มีอำนาจกระทำการแทนโจทก์เป็นผู้กระทำการแทนโจทก์ในคดีดังกล่าว โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้อง แม้คดีก่อนจะมีการสืบพยานในประเด็นแห่งคดีจนเสร็จการพิจารณาแล้วก็ตามแต่ศาลก็พิพากษายกฟ้องเพราะเหตุพยานหลักฐานโจทก์เกี่ยวกับอำนาจฟ้องยังไม่พอรับฟัง โดยยังมิได้วินิจฉัยชี้ขาดในประเด็นแห่งคดี ทั้งปัญหาเรื่องอำนาจฟ้องในคดีก่อนกับคดีนี้ก็ต่างกันการที่โจทก์มาฟ้องใหม่ในเรื่องเดียวกันนี้จึงไม่เป็นฟ้องซ้ำตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 148

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นนิติบุคคลประเภทบริษัทจำกัด จำเลยที่ 1 เป็นนิติบุคคลประเภทห้างหุ้นส่วนจำกัด มีจำเลยที่ 2 เป็นหุ้นส่วนผู้จัดการ จำเลยที่ 1 โดยจำเลยที่ 2 ได้ขอเปิดบัญชีเงินฝากกระแสรายวันกับโจทก์สาขาบางกะปิ และจำเลยที่ 1 ได้กู้เงินโจทก์สาขาบางกะปิไปเป็นเงิน 400,000 บาท คิดดอกเบี้ยในอัตราร้อยละสิบเก้าต่อปี โดยมีจำเลยที่ 2 และที่ 3 ซึ่งเป็นสามีภริยากันเข้าเป็นผู้ค้ำประกันโดยยอมรับผิดอย่างลูกหนี้ร่วมนับแต่วันที่จำเลยที่ 1 กู้เงินไปไม่เคยชำระหนี้ให้โจทก์โจทก์ได้ทวงถามแล้ว ฉะนั้นจำเลยทั้งสามจะต้องรับผิดชดใช้เงินให้โจทก์เป็นเงิน 400,000 บาท พร้อมกับดอกเบี้ยในอัตราร้อยละสิบเก้าต่อปี นับแต่วันกู้ถึงวันฟ้องเป็นเวลา 2 ปี 5 เดือนคิดเป็นดอกเบี้ย 183,665 บาท รวมเป็นเงิน 583,665 บาทก่อนฟ้องคดีนี้ โจทก์เคยฟ้องจำเลยทั้งสามครั้งหนึ่ง ศาลได้มีคำพิพากษายกฟ้องโจทก์ โดยวินิจฉัยว่า พยานโจทก์ยังไม่พอฟังว่านายวิระ รมยะรูป กรรมการผู้มีอำนาจกระทำการแทนโจทก์ เป็นผู้กระทำการแทนโจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้อง ตามคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ 908/2526 ของศาลจังหวัดนนทบุรี เมื่อศาลยังไม่ได้วินิจฉัยประเด็นแห่งคดีจึงฟ้องคดีใหม่ได้ ขอให้บังคับจำเลยทั้งสามชำระเงินให้โจทก์เป็นเงิน 583,665 บาท พร้อมกับดอกเบี้ยในอัตราร้อยละสิบเก้าต่อปี ของต้นเงิน 400,000 บาท นับแต่วันถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จ
จำเลยที่ 1 และที่ 2 ขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณา
จำเลยที่ 3 ให้การว่า โจทก์จะเป็นนิติบุคคลและนายวิระ รมยะรูป จะเป็นกรรมการผู้มีอำนาจกระทำการแทนโจทก์ตามหนังสือรับรองท้ายฟ้องหรือไม่ไม่รับรอง ที่นายวิระ รมยะรูปได้ลงชื่อในใบแต่งทนายความและประทับตราสำคัญของโจทก์ ดวงตราที่ประทับมิใช่ดวงตราที่จดทะเบียนถูกต้องตามกฎหมาย โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องจำเลยทั้งสามอีก เพราะเป็นฟ้องซ้ำ ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยทั้งสามร่วมกันชำระเงินแก่โจทก์พร้อมด้วยดอกเบี้ย จำเลยที่ 3 อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนจำเลยที่ 3 ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ปัญหาวินิจฉัยข้อต่อไปเกี่ยวกับเรื่องฟ้องซ้ำนั้น ข้อเท็จจริงได้ความว่า โจทก์เคยฟ้องจำเลยทั้งสามในเรื่องเดียวกันนี้ครั้งหนึ่งแล้ว แต่ศาลพิพากษายกฟ้องเนื่องจากพยานหลักฐานโจทก์ไม่พอรับฟังว่า นายวิระ รมยะรูป ซึ่งเป็นกรรมการผู้มีอำนาจกระทำการแทนโจทก์เป็นผู้กระทำการแทนโจทก์ในคดีดังกล่าว โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้อง เห็นว่า คดีก่อนแม้จะมีการสืบพยานในประเด็นแห่งคดีจนเสร็จการพิจารณาแล้วตามที่จำเลยที่ 3อ้างในฎีกาก็ตาม แต่ศาลก็พิพากษายกฟ้องเพราะเหตุพยานหลักฐานโจทก์เกี่ยวกับอำนาจฟ้องยังไม่พอรับฟัง โดยยังมิได้วินิจฉัยชี้ขาดในประเด็นแห่งคดี ทั้งปัญหาเรื่องอำนาจฟ้องในคดีก่อนกับคดีนี้ก็ต่างกัน การที่โจทก์มาฟ้องใหม่ในเรื่องเดียวกันนี้จึงไม่เป็นฟ้องซ้ำตามความในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 148”
พิพากษายืน

Share