แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
แจ้งความเท็จอันไม่เกี่ยวกับการกระทำผิดอาญา เป็นความผิดตามกฏหมายลักษณะอาญามาตรา 118 วรรคต้น ถ้าเป็นเรื่องแจ้งความเท็จเกี่ยวกับการกระทำผิดอาญาต้องโทษตามวรรคที่แก้ไขเพิ่มเติม โดย พ.ร.บ.แก้ไข พ.ศ.2477 (ฉะบับที่ 3)
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยแจ้งความเท็จว่าโจทก์ซื้อเชื่อร่มของจำเลยไป ไม่ยอมใช้ราคาและฉีกร่มนั้นขาดเสียหาย. ส่วนความจริงจำเลยยินยอมให้ร่มแก่โจทก์เพื่อทดแทนร่มที่จำเลยทำของโจทก์เสียหายดังนี้ ถ้าเป็นความจริงดังฟ้องก็ถือได้ว่าโจทก์ได้รับความเสียหายและเป็นความผิดตาม ก.ม.ลักษณะอาญามาตรา 118 วรรคต้น.
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยได้นำความเท็จแจ้งแก่เจ้าพนักงานอำเภอว่า โจทก์ซื้อเชื่อร่มของจำเลยไปไม่ยอมชำระราคาและฉีกร่มของจำเลยขาดเสียหาย ความจริงจำเลยได้ยินยอมให้ร่มของจำเลยนี้แก่โจทก์ เพื่อทดแทนความเสียหายที่จำเลยทำให้ร่มของโจทก์เสียหาย ต่อมาจำเลยจะเอาร่มนี้คืน โจทก์ไม่ให้ จำเลยจึงยื้อแย่งมาฉีกจนขาด แล้วไปแจ้งความดั่งกล่าว เพื่อจะคิดเอาราคาร่มจากโจทก์ และจะไม่ใช้ร่มที่จำเลยทำเสียหาย. ขอให้ลงโทษตามกฏหมายอาญามาตรา ๑๑๘ – ๒๙๘ – ๖๐
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยผิดตามมาตรา ๑๑๘. ปรับ ๕๐ บาท
ศาลอุทธรณ์เห็นว่า การที่จำเลยไปร้องต่ออำเภอขอให้เรียกโจทก์มาเปรียบเทียบทางแพ่ง โจทก์จะไปหรือไม่ก็ได้ ไม่ทำให้โจทก์เสียหาย จึงกลับพิพากษายกฟ้อง
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า การแจ้งความเท็จอันไม่เกี่ยวกับการกระทำผิดอาญา เป็นความผิดตามมาตรา ๑๑๘ วรรคต้น ถ้าเกี่ยวกับการกระทำผิดอาญา เป็นความผิดตามวรรคที่แก้ไขเพิ่มเติม พ.ศ.๒๔๗๗ (ฉะบับที่ ๓)
คดีนี้ ถ้าฟังข้อเท็จจริงตามที่โจทก์ฟ้องว่าจำเลยไปแจ้งความว่า โจทก์ซื้อเชื่อร่มของจำเลยไป ไม่ยอมชำระราคา และยังฉีกร่มของจำเลยเสียด้วย โจทก์ก็ต้องใช้ราคาร่มให้จำเลย ถ้าเป็นเรื่องจำเลยยินยอมให้ร่มแก่โจทก์แล้ว เพื่อทดแทนความเสียหายที่จำเลยทำร่มของโจทก์เสียหาย โจทก์ก็ไม่ต้องใช้ราคาร่มแก่จำเลยอีก ดังนี้ ข้อความที่จำเลยแจ้ง จึงอาจเสียหายแก่โจทก์ได้ แต่ศาลอุทธรณ์ยังไม่ได้วินิจฉัยข้อเท็จจริง จึงพิพากษาให้ยกคำพิพากษาศาลอุทธร์ ให้ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยข้อเท็จจริงแล้วพิพากษาใหม่.