แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยได้นำสินค้าเข้ามาในราชอาณาจักรและยื่นใบขนสินค้าขาเข้าและแบบแสดงรายการการค้าต่อเจ้าพนักงานของโจทก์ ปรากฏว่าจำเลยสำแดงราคาสินค้าต่ำกว่าราคาในบัตรราคา จึงได้ทำการประเมินราคาใหม่และเรียกเก็บภาษีอากรเพิ่มจากจำเลย เป็นคำฟ้องที่แสดงโดยแจ้งชัดซึ่งสภาพแห่งข้อหาของโจทก์และคำขอบังคับ ทั้งข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาเช่นว่านั้นแล้ว ไม่เคลือบคลุม
โจทก์ฟ้องเรียกเอาเงินภาษีอากรส่วนที่ขาดเพราะเหตุอันเกี่ยวกับราคาแห่งสินค้าที่นำเข้า จึงมีอายุความสิบปีนับจากวันที่นำของเข้า
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยนำสินค้าเครื่องอะไหล่วิทยุซันโย เอ็ม ๒๔๒๐ เอฟ จากต่างประเทศเข้ามาในราชอาณาจักร จำเลยได้ยื่นใบขนสินค้าขาเข้าและแบบแสดงรายการการค้ากับบัญชีราคาสินค้า (อินวอยซ์) ต่อเจ้าพนักงานของโจทก์ที่ ๑ โดยสำแดงราคาสินค้าเป็นเงินรวม๖,๙๕๒.๙๓ บาท และได้ชำระอากรขาเข้า ภาษีการค้าและภาษีบำรุงเทศบาลเป็นเงินรวม๔,๕๕๓.๒๑ บาท เจ้าพนักงานของโจทก์ที่ ๑ ไม่ยอมรับราคาที่จำเลยสำแดงและสั่งให้จำเลยวางเงินประกันค่าภาษีอากรไว้จำนวน ๘๐๐ บาท จำเลยยินยอมวางเงินประกันและรับสินค้าไปแล้ว ต่อมาเจ้าหน้าที่วิเคราะห์ราคาของโจทก์ที่ ๑ ได้ตรวจตัวอย่างสินค้าแล้วเห็นว่า สินค้าดังกล่าวเป็นแผงวงจรวิทยุพร้อมที่เล่นเทป ซึ่งตามบัตรราคาได้แยกการกำหนดราคาวิทยุซันโยรุ่นนี้สำหรับสินค้าที่นำเข้าร้อยละ๗๐ ของราคาเครื่องครบชุดสมบูรณ์ ซึ่งมีราคา ซี.ไอ.เอฟ.ทางอากาศยาน ๓๗.๐๖ เหรียญสหรัฐเจ้าพนักงานประเมินราคาของโจทก์ที่ ๑ จึงประเมินราคาสินค้าดังกล่าวเป็นเงิน ๑๙,๕๓๓.๔๕ บาทภาษีการค้าและภาษีบำรุงเทศบาลเพิ่มขึ้น เมื่อหักเงินประกันออกแล้วเงินอากรขาเข้าขาดไป๙,๑๓๖.๗๒ บาท ภาษีการค้าขาดไป ๙,๙๒๕.๗๐ บาท ภาษีบำรุงเทศบาลขาดไป ๙๙๓.๕๗ บาทเจ้าพนักงานประเมินของโจทก์ที่ ๑ จึงแจ้งผลของการประเมินให้จำเลยทราบและให้นำเงินมาชำระให้ครบภายใน ๓๐ วัน นับแต่วันได้รับแจ้งการประเมิน แต่จำเลยเพิกเฉย จึงต้องเสียเงินเพิ่มอากรขาเข้า เบี้ยปรับภาษีการค้า เงินเพิ่มภาษีการค้าและภาษีบำรุงเทศบาลเพิ่ม รวมเป็นเงินภาษีอากรที่ขาด เบี้ยปรับ และเงินเพิ่มจำนวน ๕๓,๗๒๒.๗๐ บาท ขอให้จำเลยชำระเงินจำนวน๕๓,๗๒๒.๗๐ บาทแก่โจทก์ พร้อมด้วยเงินเพิ่มอากรขาเข้าในอัตราร้อยละ ๑ ต่อเดือนของเงินอากรขาเข้าที่ขาดอยู่
จำเลยให้การว่า โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง จำเลยไม่ได้เป็นเจ้าของสินค้าตามฟ้องเจ้าพนักงานของโจทก์ที่ ๑ ใช้สิทธิโดยไม่สุจริต เจ้าหน้าที่กองวิเคราะห์ราคาของโจทก์ที่ ๑ กำหนดราคาตามบัตรราคา จึงคลาดเคลื่อนไปจากความจริงและพิสูจน์ไม่ได้ว่าจำเลยสำแดงราคาสินค้าต่ำกว่าราคาที่แท้จริง จำเลยไม่ได้รับใบแจ้งประเมินจากโจทก์ที่ ๑ ฟ้องโจทก์เคลือบคลุมและขาดอายุความ ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาให้จำเลยชำระภาษีอากรแก่โจทก์๕๓,๗๒๒.๗๐ บาท พร้อมเงินเพิ่มในอัตราร้อยละ ๑ ต่อเดือนของเงินภาษีอากรขาเข้าที่ขาดเป็นเงินเดือนละ ๙๑.๓๗ บาท นับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จ
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้ยกฟ้องโจทก์
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่า จำเลยได้สำแดงราคาในใบขนต่ำกว่าราคาในท้องตลาด จำเลยเป็นผู้นำเข้าสินค้ารายนี้ และจำเลยได้รับแจ้งการประเมินภาษีรายนี้แล้ว และไม่มีพฤติการณ์ที่แสดงว่าโจทก์ดำเนินคดีโดยไม่สุจริต สำหรับปัญหาว่าฟ้องเคลือบคลุมและขาดอายุความหรือไม่นั้น ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า สำหรับปัญหาเรื่องฟ้องเคลือบคลุม โจทก์ได้บรรยายฟ้องว่า จำเลยได้นำสินค้าเข้ามาในราชอาณาจักรและยื่นใบขนสินค้าขาเข้าและแบบแสดงรายการการค้าต่อเจ้าพนักงานของโจทก์ ปรากฏว่าจำเลยสำแดงราคาสินค้าต่ำกว่าราคาในบัตรราคา จึงได้ทำการประเมินราคาสินค้าใหม่และคิดอากรขาเข้า ภาษีการค้าและภาษีบำรุงเทศบาลตามราคาใหม่และเรียกเก็บภาษีอากรเพิ่มจากจำเลย เห็นว่าฟ้องโจทก์ได้แสดงโดยแจ้งชัดซึ่งสภาพแห่งข้อหาของโจทก์และคำขอบังคับ ทั้งข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาเช่นว่านั้นแล้ว ฟ้องโจทก์จึงไม่เคลือบคลุม และคดีนี้โจทก์ฟ้องเรียกเอาเงินภาษีอากรส่วนที่ขาดเพราะเหตุอันเกี่ยวกับราคาแห่งสินค้าที่นำเข้า จึงมีอายุความสิบปีนับจากวันที่นำของเข้า จำเลยนำสินค้าเข้ามาเมื่อวันที่ ๑๓ มีนาคม ๒๕๑๙ โจทก์ฟ้องคดีเมื่อวันที่ ๑๑ มีนาคม ๒๕๒๙ คดีโจทก์จึงไม่ขาดอายุความ
พิพากษากลับ ให้บังคับคดีตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น.