แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
คดีอาญาโดยทั่วไปเมื่อจำเลยถึงแก่ความตาย สิทธินำคดีอาญามาฟ้องย่อมระงับไปก็ตาม แต่ในการริบทรัพย์สินตาม พ.ร.บ.มาตรการในการปราบปรามผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด พ.ศ.2534 นั้นเป็นบทบัญญัติของกฎหมายพิเศษที่บัญญัติใช้เป็นการเฉพาะว่า คดีไม่ระงับแต่ต้องดำเนินคดีต่อไปภายใต้บทบัญญัติของกฎหมายดังกล่าว ฉะนั้นเมื่อจำเลยซึ่งเป็นผู้คัดค้านในคดีนี้ถึงแก่ความตาย ทรัพย์สินตามคำร้องย่อมตกเป็นของกองทุนป้องกันและปราบปรามยาเสพติดโดยผลของกฎหมาย
ย่อยาว
ผู้ร้องยื่นคำร้อง ขอให้มีคำสั่งริบทรัพย์สินดังกล่าวให้ตกเป็นของกองทุนป้องกันและปราบปรามยาเสพติดตามพระราชบัญญัติมาตรการในการปราบปรามผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด พ.ศ. 2534 มาตรา 27, 28, 29, 31
ศาลชั้นต้นได้ประกาศโฆษณาในหนังสือพิมพ์ตามกฎหมายให้บุคคลซึ่งอาจอ้างว่าเป็นเจ้าของทรัพย์สินดังกล่าวยื่นคำร้องคัดค้านคำร้องขอให้ริบทรัพย์สินเข้ามาในคดี
ผู้คัดค้านยื่นคำร้องคัดค้านว่า ผู้คัดค้านมิได้กระทำความผิดฐานจำหน่ายยาเสพติดให้โทษตามฟ้อง และทรัพย์สินที่ถูกยึดไว้ดังกล่าวไม่ใช่ของผู้คัดค้านและมิได้มาจากการเกี่ยวข้องกับการจำหน่ายยาเสพติดให้โทษ ขอให้ยกคำร้องและคืนทรัพย์สินแก่เจ้าของที่แท้จริง
ศาลชั้นต้น มีคำสั่งยกคำร้อง ให้คืนเงินสดจำนวน 64,000 บาท และสร้อยคอทองคำ 3 เส้น ที่ยึดไว้แก่เจ้าของ
ผู้ร้องอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 6 พิพากษากลับ ให้ริบเงินจำนวน 64,000 บาท และสร้อยคอทองคำ 3 เส้น ของกลางตกเป็นของกองทุนป้องกันและปราบปรามยาเสพติด ตามพระราชบัญญัติมาตรการในการปราบปรามผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด พ.ศ. 2534 มาตรา 29, 31
ผู้คัดค้านฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า แม้คดีอาญาโดยทั่วไปจำเลย (ผู้คัดค้าน) ถึงแก่ความตาย สิทธิในการฟ้องคดีอาญาย่อมระงับไปก็ตาม แต่ในการริบทรัพย์สินตามพระราชบัญญัติมาตรการในการปราบปรามผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดนั้น เป็นบทบัญญัติของกฎหมายพิเศษ ที่บัญญัติไว้เป็นการเฉพาะว่า คดีไม่ระงับแต่ต้องดำเนินคดีต่อไปภายใต้บทบัญญัติของกฎหมายดังกล่าว ฉะนั้น เมื่อจำเลย (ผู้คัดค้าน) ถึงแก่ความตาย ทรัพย์สินตามคำร้องย่อมตกเป็นของกองทุนป้องกันและปราบปรามยาเสพติดโดยผลของกฎหมายและกรณีไม่จำต้องวินิจฉัยฎีกาของผู้คัดค้านอีกต่อไปเพราะไม่อาจเปลี่ยนแปลงผลของคดีได้
พิพากษายืน