คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4155/2535

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

อาวุธปืนของกลางที่จำเลยที่ 1 ใช้ยิงโจทก์ร่วม เป็นอาวุธปืนมีหมายเลขทะเบียนเป็นของจำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นบุตรของจำเลยที่ 1จำเลยทั้งสองพักอาศัยอยู่ในบ้านหลังเดียวกัน สถานที่เกิดเหตุก็อยู่ในบริเวณหน้าบ้านของจำเลยที่ 1 อีกทั้งขณะที่จำเลยที่ 1 นำอาวุธปืนออกจากบ้านมาที่เกิดเหตุนั้น จำเลยที่ 2 ก็ออกมาด้วยและอยู่ในที่เกิดเหตุด้วยกัน เหตุการณ์เกิดขึ้นไม่นานนัก หลังเกิดเหตุจำเลยทั้งสองก็เข้าบ้านด้วยกันพฤติการณ์เช่นนี้ถือได้ว่าจำเลยที่ 1 ยึดถืออาวุธปืนไว้แทนจำเลยที่ 2 เท่านั้น มิได้มีเจตนายึดถือเพื่อตน ความครอบครองในอาวุธปืนของกลางยังคงอยู่ที่จำเลยที่ 2 หาได้เปลี่ยนมาอยู่ที่จำเลยที่ 1 ไม่ จำเลยที่ 1 จึงมิใช่ผู้มีอาวุธปืนไว้ในครอบครอง

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288,83, 80, 371 พระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิดดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ. 2490 มาตรา 7, 8 ทวิ,72, 72 ทวิ และริบของกลาง
จำเลยทั้งสี่ให้การปฏิเสธ
ระหว่างพิจารณา นายสมบูรณ์ วงศ์จรัสกุล ผู้เสียหายยื่นคำร้องขอเข้าร่วมเป็นโจทก์ ศาลชั้นต้นอนุญาต
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาว่า จำเลยที่ 1 มีความผิดตามพระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิงและสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ. 2490 มาตรา 7, 8 ทวิ วรรคหนึ่ง, 72วรรคสาม, 72 ทวิ วรรคสอง ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 297, 371 ข้อหามีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตจำคุก 2 ปี ข้อหาพาอาวุธปืนไปในเมือง หมู่บ้าน ทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุอันสมควรและโดยไม่ได้รับอนุญาตเป็นกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบทลงโทษตามพระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืนวัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ. 2490 มาตรา8 ทวิ วรรคหนึ่ง, 72 ทวิ วรรคสอง อันเป็นบทหนักตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 90 จำคุก 6 เดือน ข้อหาทำร้ายร่างกายผู้อื่นเป็นเหตุให้ได้รับอันตรายสาหัส จำคุก 2 ปี รวมจำคุก 4 ปี 6 เดือน จำเลยที่ 2 ถึงที่ 4 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 297 จำคุกคนละ 2 ปี เฉพาะจำเลยที่ 3 และที่ 4 เป็นนักเรียนและอายุยังน้อยทั้งไม่ปรากฏว่าเคยกระทำความผิดมาก่อนจึงสมควรรอการลงโทษไว้มีกำหนดคนละ 2 ปี ริบของกลาง ข้อหาอื่นให้ยก
จำเลยทั้งสี่อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยที่ 1 มีความผิดตามพระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิงและสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ. 2490 มาตรา 8 ทวิ วรรคหนึ่ง, 72 ทวิวรรคสอง จำคุก 6 เดือน จำเลยทั้งสี่มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 295, 297(8) เป็นการกระทำกรรมเดียวผิดกฎหมายหลายบทลงโทษตามมาตรา 297 (8) อันเป็นบทหนักตามมาตรา 90 จำคุกจำเลยที่ 1 ที่ 2 ที่ 4 คนละ 1 ปี ส่วนจำเลยที่ 3 อายุ 16 ปี ลดมาตราส่วนโทษให้กึ่งหนึ่งตามมาตรา 75 จำคุก 6 เดือน รวมจำคุกจำเลยที่ 1 มีกำหนด 1 ปี 6 เดือน เฉพาะจำเลยที่ 3 ที่ 4 เป็นนักเรียนและอายุยังน้อย ทั้งไม่เคยปรากฏว่าเคยกระทำความผิดมาก่อนสมควรให้โอกาสกลับตัวเป็นพลเมืองดีของชาติต่อไป จึงให้รอการลงโทษไว้คนละ 2 ปี ริบของกลาง
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีคงมีปัญหาข้อกฎหมายที่ต้องวินิจฉัยตามฎีกาโจทก์เพียงข้อเดียวว่า จำเลยที่ 1 มีความผิดฐานมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตหรือไม่ในปัญหานี้ข้อเท็จจริงที่ศาลอุทธรณ์รับฟังมาโดยโจทก์มิได้ฎีกาโต้แย้งฟังได้เป็นยุติว่า อาวุธปืนที่จำเลยที่ 1 ใช้ยิงโจทก์ร่วมในคืนเกิดเหตุนั้นเป็นอาวุธปืนมีหมายเลขทะเบียนที่จำเลยที่ 2 ได้รับอนุญาตให้มีและใช้จากนายทะเบียนตามกฎหมายแล้วและจำเลยที่ 2 เป็นบุตรของจำเลยที่ 1 พักอาศัยอยู่ในบ้านหลังเดียวกัน ทั้งปรากฏว่าสถานที่เกิดเหตุก็อยู่ที่บริเวณหน้าบ้านของจำเลยที่ 1 เอง ขณะที่จำเลยที่ 1 นำอาวุธปืนออกมาจากบ้านมาถึงที่เกิดเหตุนั้น จำเลยที่ 2 ก็ออกมาด้วย และอยู่ในที่เกิดเหตุด้วยกัน และเหตุการณ์ก็เกิดขึ้นไม่นานนัก หลังเกิดเหตุจำเลยที่ 1ที่ 2 ก็เข้าบ้านด้วยกัน ตามพฤติการณ์ถือได้ว่าจำเลยที่ 2 เป็นผู้ครอบครองอาวุธปืนของกลางตลอดมา แม้จำเลยที่ 1 จะถืออาวุธปืนออกจากบ้านไปยิงโจทก์ร่วมที่หน้าบ้านจำเลยที่ 1 ก็ตาม แต่ก็เป็นการยึดถือไว้แทนจำเลยที่ 2 จำเลยที่ 1 มิได้มีเจตนายึดถือเพื่อตนความครอบครองในอาวุธปืนของกลางยังคงอยู่ที่จำเลยที่ 2 หาเปลี่ยนมาอยู่ที่จำเลยที่ 1 ไม่ จำเลยที่ 1 จึงมิใช่เป็นผู้มีอาวุธปืนของกลางไว้ในครอบครอง
พิพากษายืน

Share