คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 415/2528

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยกล่าวต่อเจ้าพนักงานตำรวจผู้จับจำเลยว่า “ถ้าแน่จริงให้ถอดปืนที่เอวมาต่อยกันตัวต่อตัว” และ “ถ้าแน่จริงมายิงกันคนละนัดก็ได้ ไม่ต้องใช้กำปั้น ใช้ปืนดีกว่า” เป็นคำกล่าวที่ไม่สุภาพและไม่สมควรเท่านั้น แม้ขณะที่กล่าวจำเลยได้ถอดกางเกงขายาวที่จำเลยสวมอยู่ออกเหลือแต่กางเกงชั้นใน ก็มิได้เป็นการทำให้ผู้เสียหายถูกดูหมิ่น ถ้อยคำและกิริยาท่าทางดังกล่าวจึงไม่เป็นการดูหมิ่นเจ้าพนักงานซึ่งกระทำการตามหน้าที่

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่าจำเลยดูหมิ่นเจ้าพนักงานซึ่งกระทำการตามหน้าที่ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๑๓๖
จำเลยรับว่าได้พูดดังที่โจทก์ฟ้องจริง แต่ถ้อยคำดังกล่าวไม่เป็นการดูหมิ่นเจ้าพนักงาน
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามฟ้อง
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้ยกฟ้องโจทก์
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่า คืนเกิดเหตุ สิบตำรวจโทสมเดชผู้เสียหายกับพวกได้รับคำสั่งให้ไปรับกษาความสงบเรียบร้อยในงานธารน้ำใจของโรงเรียนยางชุมน้อยพิทยาคม จำเลยกับนายเสถียรพวกของจำเลยมีอาการเมาสุรานายเสถียรผลักจำเลยมาชนผู้เสียหาย จำเลยได้พูดกับผู้เสียหายว่า “ถ้าแน่จริงให้ถอดปืนที่เอวมาต่อยกันตัวต่อตัว” และ “ถ้าแน่จริงมายิงกันคนละนัดก็ได้ ไม่ต้องใช้กำปั้น ใช้ปืนดีกว่า” กับจำเลยได้ถอดกางเกงขายาวที่จำเลยสวมอยู่ออกเหลือแต่กางเกงใน แล้ววินิจฉัยข้อกฎหมายว่า ปัญหาวินิจฉัยมีว่าถ้อยคำที่จำเลยกล่าวต่อผู้เสียหาย เป็นการดูหมิ่นผู้เสียหายซึ่งเป็นเจ้าพนักงานซึ่งกระทำการตามหน้าที่หรือไม่ เห็นว่า ถ้อยคำที่จำเลยกล่าวต่อผู้เสียหายนั้นเป็นถ้อยคำที่จำเลยกล่าวท้าทายให้ผู้เสียหายออกมาสู้กับจำเลยในขณะที่จำเลยกำลังมึนเมา เป็นคำกล่าวที่ไม่สุภาพและไม่สมควรเท่านั้น ไม่ได้ทำให้ผู้เสียหายถูกเหยียดหยาม หรือได้รับความอับอายขายหน้า แม้ขณะที่กล่าวจำเลยได้ถอดกางเกงขายาวที่จำเลยสวมอยู่ออกเหลือแต่กางเกงชั้นใน ก็มิได้เป็นการทำให้ผู้เสียหายถูกดูหมิ่น ถ้อยคำที่จำเลยกล่าวต่อผู้เสียหายและกิริยาท่าทางดังกล่าวจึงไม่เป็นการดูหมิ่นเจ้าพนักงานซึ่งกระทำการตามหน้าที่
พิพากษายืน.

Share