คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 415/2495

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ผูรับมรดกคนหนึ่งพูดถามผู้รับมรดกซึ่งครอบครองทรัพย์มรดกอยู่ว่า เมื่อไรจะแบ่งมรดกผู้ครอบครองทรัพย์มรดกตอบว่าเอาไว้เผาศพผู้ตายเสียก่อน ดังนี้ ย่อมไม่ใช่เป็นการตกลงแบ่งมรดกกันแล้ว คงเป็นแต่เพียงพูดกันเรื่องจะแบ่งมรดกเท่ารนั้น ใช่เป็นการรับสภาพหนี้ตามมาตรา 172 แห่ง ป.ม.แพ่งฯ อันจะทำให้อายุความสดุดหยุดลง
(อ้างฎีกาที่ 30/2481)

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องอ้างว่า เป็นภรรยาเจ้ามรดกผู้วายชนม์ได้ครอบครองที่ดินมรดกมาโดยไม่มีใครเกี่ยวข้องหลายปีแล้วบัดนี้จำเลยเข้ามาเกี่ยวข้อง จึงขอให้ศาลแสดงว่า โจทก์เป็นผู้รับมรดกที่ดินรายนี้แต่ผู้เดียว อย่าให้จำเลยขัดขวาง ฯลฯ
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้โจทก์ชนะคดีตามฟ้อง
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกาต่อมา
ศาลฎีกาเห็นว่า ฝ่ายโจทก์เป็นผู้ครอบครองที่ดินมรดกมาฝ่ายเดียวจริง
ส่วนข้อที่จำเลยว่าโจทก์ตกลงแบ่งมรดกเป็นการรับสภาพหนี้ นั้น ข้อเท็จจริงฟังได้เพียงว่า เมื่อทำบุญพนายสุขผู้ตาย ฝ่ายจำเลยถามโจทก์ว่า เมื่อไรจะแบ่งมรดกโจทก์ว่าเอาไว้เผาศพผู้ตายเสียก่อน ดังนี้ เห็นได้ชัดว่า ไม่ใช่เป็นการตกลงแบ่งมรดกกันแล้ว เป็นแต่พูดกันเรื่องให้แบ่งมรดกเท่านั้น ไม่มีผลตามกฎหมาย และหาใช่เป็นการรับสภาพหนี้ตามมาตรา ๑๗๒ อันจะทำให้อายุความสดุดหยุดลงไม่ ดังมีฎีกาที่ ๓๐/๒๔๘๑ วินิจฉัยไว้แล้ว
จึงพิพากษายืน

Share