แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ผูรับมรดกคนหนึ่งพูดถามผู้รับมรดกซึ่งครอบครองทรัพย์มรดกอยู่ว่า  เมื่อไรจะแบ่งมรดกผู้ครอบครองทรัพย์มรดกตอบว่าเอาไว้เผาศพผู้ตายเสียก่อน  ดังนี้  ย่อมไม่ใช่เป็นการตกลงแบ่งมรดกกันแล้ว  คงเป็นแต่เพียงพูดกันเรื่องจะแบ่งมรดกเท่ารนั้น  ใช่เป็นการรับสภาพหนี้ตามมาตรา  172  แห่ง  ป.ม.แพ่งฯ  อันจะทำให้อายุความสดุดหยุดลง
(อ้างฎีกาที่  30/2481)
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องอ้างว่า  เป็นภรรยาเจ้ามรดกผู้วายชนม์ได้ครอบครองที่ดินมรดกมาโดยไม่มีใครเกี่ยวข้องหลายปีแล้วบัดนี้จำเลยเข้ามาเกี่ยวข้อง  จึงขอให้ศาลแสดงว่า  โจทก์เป็นผู้รับมรดกที่ดินรายนี้แต่ผู้เดียว  อย่าให้จำเลยขัดขวาง  ฯลฯ
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้โจทก์ชนะคดีตามฟ้อง
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกาต่อมา
ศาลฎีกาเห็นว่า  ฝ่ายโจทก์เป็นผู้ครอบครองที่ดินมรดกมาฝ่ายเดียวจริง
ส่วนข้อที่จำเลยว่าโจทก์ตกลงแบ่งมรดกเป็นการรับสภาพหนี้  นั้น  ข้อเท็จจริงฟังได้เพียงว่า  เมื่อทำบุญพนายสุขผู้ตาย  ฝ่ายจำเลยถามโจทก์ว่า  เมื่อไรจะแบ่งมรดกโจทก์ว่าเอาไว้เผาศพผู้ตายเสียก่อน  ดังนี้  เห็นได้ชัดว่า ไม่ใช่เป็นการตกลงแบ่งมรดกกันแล้ว  เป็นแต่พูดกันเรื่องให้แบ่งมรดกเท่านั้น  ไม่มีผลตามกฎหมาย  และหาใช่เป็นการรับสภาพหนี้ตามมาตรา  ๑๗๒  อันจะทำให้อายุความสดุดหยุดลงไม่  ดังมีฎีกาที่  ๓๐/๒๔๘๑  วินิจฉัยไว้แล้ว
จึงพิพากษายืน

