คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 414/2533

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

จำเลยเข้าไปในบ้านพักของผู้เสียหายในเวลาที่ผู้เสียหายและภริยาต้องไปทำงานนอกบ้าน โดยจำเลยคิดว่าผู้เสียหายกับภริยาไม่อยู่บ้าน และปีน หน้าต่างเข้าไปเช่นนี้ เห็นได้ว่าจำเลยมีเจตนาบุกรุกเข้าไปเพื่อลักทรัพย์ของผู้เสียหายซึ่งอยู่ภายในบ้านพักนั้น.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 335, 364,80 นับโทษจำเลยต่อจากโทษในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 605/2531ของศาลชั้นต้น
จำเลยให้การปฏิเสธ แต่รับว่าเป็นบุคคลคนเดียวกับจำเลยในคดีที่โจทก์ขอให้นับโทษต่อ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 335 ประกอบมาตรา 80, 364 การกระทำของจำเลยเป็นกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบทให้ลงโทษตามมาตรา 335 ประกอบมาตรา 80 ซึ่งเป็นบทหนักตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 จำคุก 1 ปี คำให้การของจำเลยในชั้นสอบสวนและในชั้นพิจารณาเป็นประโยชน์ต่อการพิจารณาอยู่บ้าง มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 78 หนึ่งในสี่คงจำคุก 9 เดือน นับโทษจำเลยต่อจากโทษในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 605/2531 ของศาลชั้นต้น
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้ยกฟ้องโจทก์
โจทก์ฎีกา ขอให้ลงโทษจำเลยตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ข้อเท็จจริงฟังได้ในเบื้องต้นว่าตามวันเวลาเกิดเหตุดังฟ้อง จำเลยเข้าไปในบ้านอันเป็นเคหสถานที่อยู่อาศัยของนายศุภพงษ์ ชัยทัศน์ ผู้เสียหาย ปัญหามีว่าจำเลยกระทำผิดฐานบุกรุกเข้าไปในบ้านของผู้เสียหายและพยายามลักทรัพย์ของผู้เสียหายตามที่ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลยหรือไม่ได้ความจากนางสุกัลยา ชัยทัศน์ ภริยาผู้เสียหายซึ่งเป็นพยานโจทก์ว่า ก่อนเกิดเหตุพยานได้ปิดประตูหน้าต่างบ้านพักไว้แล้วขึ้นไปนอนพักชั้นบน เมื่อพยานได้ยินเสียงกุกกักแล้วได้ยินเสียงคนขึ้นบันได พยานไปดูก็เห็นจำเลยยืนอยู่ที่ประตูห้องนอน เมื่อถามจำเลยว่ามาทำไม จำเลยว่ามาหาผู้เสียหายเพราะหนีเจ้าพนักงานตำรวจมาจะให้ผู้เสียหายช่วยต่อจากนั้นจำเลยก็หันหลังออกไปทางประตูเมื่อสำรวจบ้านก็พบว่าหน้าต่างห้องครัวเปิดมีรอยเท้าเปื้อนโคลนอยู่ที่เคาน์เตอร์ ขณะเห็นจำเลยนั้นจำเลยสวมรองเท้าผ้าใบเปื้อนโคลน นายศุภพงษ์ ชัยทัศน์ ผู้เสียหาย ก็เบิกความว่าพบรอยเท้าเปื้อนโคลนที่บนเคาน์เตอร์สอดคล้องกับคำเบิกความของนางสุกัลยา นอกจากนี้ตามบันทึกการตรวจสถานที่เกิดเหตุเอกสารหมาย ป.จ.1 ที่ร้อยตำรวจโทมานพ พิมสาร ทำขึ้นก็ระบุว่าตรวจพบรอยเท้าปรากฏอยู่บนเคาน์เตอร์ซึ่งอยู่ติดกับหน้าต่างห้องครัวที่เปิดอยู่เชื่อว่าคนร้ายใช้เป็นช่องทางเข้าไปภายในบ้านพักดังกล่าว ศาลฎีกาจึงเชื่อว่าจำเลยปีนเข้าบ้านพักของผู้เสียหายทางหน้าต่างห้องครัว ปัญหาต่อไปมีว่า จำเลยมีเจตนาบุกรุกเข้าไปลักทรัพย์ในบ้านพักของผู้เสียหายหรือไม่ ได้ความว่า จำเลยเข้าไปในบ้านพักของผู้เสียหายเวลา 9.30 นาฬิกา ซึ่งเป็นเวลาที่ผู้เสียหายและภริยาซึ่งเป็นครูโรงเรียนพะเยาพิทยาคมต้องไปทำงานที่โรงเรียนดังกล่าว จำเลยเข้าไปในบ้านพักของผู้เสียหายในเวลาดังกล่าวโดยจำเลยคิดว่าผู้เสียหายกับภริยาไม่อยู่บ้านและปีนหน้าต่างเข้าไปเช่นนี้ เห็นได้ว่าจำเลยมีเจตนาบุกรุกเข้าไปเพื่อลักทรัพย์ของผู้เสียหายซึ่งอยู่ภายในบ้านพักนั้นนอกจากนี้ตามสำนวนคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 605/2530 ของศาลชั้นต้นก็ปรากฏว่าจำเลยถูกศาลพิพากษาถึงที่สุด ให้จำคุก 2 ปี 6 เดือนในข้อหาลักทรัพย์ในเคหสถานตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 335(4)โดยจำเลยให้การรับสารภาพในคดีดังกล่าว คดีนี้จึงฟังได้โดยปราศจากข้อสงสัยว่าจำเลยบุกรุกเข้าไปในบ้านของผู้เสียหายและพยายามลักทรัพย์ของผู้เสียหายตามฟ้อง ดังที่ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลย พยานจำเลยไม่มีน้ำหนักพอที่จะหักล้างพยานโจทก์ได้…”
พิพากษากลับว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา335(4) (8) วรรคสาม ประกอบมาตรา 80, 364 นอกจากนี้ให้บังคับคดีไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น.

Share