แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ตามฟ้องโจทก์ข้อ 1(ก)และ(ข) ได้ระบุไว้ชัดแจ้งว่าจำเลยทั้งสามมีกัญชาจำนวน 27.270 กิโลกรัม แต่เหตุที่ตามฟ้องโจทก์ข้อ 2 ระบุว่า กัญชาของกลางหมดไปในการตรวจ พิสูจน์ 150 กรัม ที่เหลือ 27.120 กรัม เป็นความผิดพลาดที่ใส่จุดทศนิยมระหว่างเลข 7 และเลข 1 แทนที่จะใช้เครื่องหมายจุลภาคระหว่างเลขทั้งสองตัวดังกล่าวเป็นความผิดพลาดเพียงเล็กน้อย ไม่ทำให้เกิดความสับสน เพราะ จำเลยต่อสู้คดีว่ากัญชาของกลางไม่ใช่ของจำเลย จึงไม่ทำให้ จำเลยเสียเปรียบและหลงข้อต่อสู้แต่อย่างใด ฟ้องโจทก์ ไม่เคลือบคลุม
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า เมื่อระหว่างวันที่ 20 มิถุนายน 2534เวลากลางวัน ถึงวันที่ 21 มิถุนายน 2534 เวลากลางวันติดต่อกันจำเลยทั้งสามร่วมกันนำกัญชาแห้งอัดแท่งอันเป็นยาเสพติดให้โทษประเภท 5 ตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522จำนวน 23 ห่อ หนัก 27.270 กิโลกรัม จากสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาวเข้ามาในราชอาณาจักรโดยจำเลยทั้งสามไม่ได้รับอนุญาต และร่วมกันมีกัญชา จำนวน 23 ห่อหนัก 27.270 กิโลกรัม ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาตเหตุเกิดที่ตำบลนกออก อำเภอปักธงชัย จังหวัดนครราชสีมาตามวันเวลาดังกล่าวเจ้าพนักงานจับจำเลยทั้งสามพร้อมด้วยกัญชาจำนวนดังกล่าวกับรถยนต์ปิกอัพหมายเลขทะเบียน น-3276 ชลบุรี1 คัน เป็นของกลาง กัญชาของกลางหมดไปในการตรวจพิสูจน์ 150 กรัมที่เหลือ 27.120 กรัม เจ้าพนักงานเก็บรักษาไว้ ขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 7, 26, 75,76, 102 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83, 91 และขอให้ริบของกลาง
จำเลยทั้งสามให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยทั้งสามมีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 26 (ที่ถูก26 วรรคสอง), 76 วรรคสอง ให้ลงโทษจำคุกคนละ 3 ปี จำเลยที่ 1ให้การรับสารภาพชั้นจับกุมและคำให้การชั้นสอบสวนของจำเลยทั้งสามเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษเห็นสมควรลดโทษให้คนละหนึ่งในสาม ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุกคนละ 2 ปี ริบกัญชาของกลาง ส่วนรถยนต์ปิกอัพหมายเลขทะเบียนน-3276 ชลบุรี ไม่ใช่ทรัพย์ที่ใช้ในการกระทำความผิดจึงไม่ริบ
จำเลยทั้งสามอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษายืน
จำเลยที่ 1 ฎีกาในปัญหาข้อกฎหมาย
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า มีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยที่ 1 แต่เพียงว่า ฟ้องโจทก์เคลือบคลุมหรือไม่ จำเลยที่ 1ฎีกาว่า ตามฟ้องโจทก์ข้อ 1 (ก) และ (ข) อ้างว่ากัญชาของกลางมีน้ำหนัก 27.270 กิโลกรัม (ยี่สิบเจ็ดกิโลกรัมสองร้อยเจ็ดสิบมิลลิกรัม) แต่ตามฟ้องโจทก์ข้อ 2 ระบุว่า กัญชาของกลางหมดไปในการตรวจพิสูจน์ 150 กรัม ที่เหลือ 27.120 กรัม ซึ่งขัดแย้งกันเองทำให้จำเลยที่ 1 ไม่ทราบว่าน้ำหนักที่เป็นตัวเลขหรือตัวหนังสือถูกต้อง จึงทำให้มีข้อสงสัยว่ากัญชาของกลางมีอยู่จริงหรือไม่ จำนวนเท่าใด จำเลยที่ 1 ไม่อาจเข้าใจฟ้องโจทก์ทำให้จำเลยที่ 1 เสียเปรียบและหลงข้อต่อสู้ จึงเป็นฟ้องเคลือบคลุม พิเคราะห์แล้วเห็นว่า ตามฟ้องโจทก์ข้อ 1(ก)และ (ข) ได้ระบุไว้ชัดแจ้งว่า จำเลยทั้งสามมีกัญชาจำนวน 27.270กิโลกรัม (ยี่สิบเจ็ดกิโลกรัมสองร้อยเจ็ดสิบมิลลิกรัม)แต่เหตุที่ตามฟ้องโจทก์ข้อ 2 ระบุว่า กัญชาของกลางหมดไปในการตรวจพิสูจน์ 150 กรัม ที่เหลือ 27.120 กรัม เป็นความผิดพลาดที่ใส่จุดทศนิยมระหว่างเลข 7 และเลข 1 แทนที่จะใช้เครื่องหมายจุลภาคระหว่างเลขทั้งสองตัวดังกล่าวเป็นความผิดพลาดเพียงเล็กน้อย ไม่ทำให้เกิดความสับสนเพราะจำเลยที่ 1ต่อสู้คดีว่ากัญชาของกลางไม่ใช่ของจำเลยที่ 1 จึงไม่ทำให้จำเลยที่ 1 เสียเปรียบและหลงข้อต่อสู้แต่อย่างใด ฟ้องโจทก์ไม่เคลือบคลุม
พิพากษายืน