แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์ไม่มีสายลับที่อ้างว่าเป็นผู้ซื้อเฮโรอีนจากจำเลยมาเป็นพยาน จำเลยย่อมเสียเปรียบไม่มีโอกาสซักค้านพยานโจทก์เพื่อให้ข้อเท็จจริงกระจ่างชัด คำของเจ้าพนักงานตำรวจผู้จับกุมที่เบิกความว่าใช้สายลับเข้าไปล่อซื้อเฮโรอีนจากจำเลยก็ดี คำให้การรับสารภาพในชั้นจับกุมและชั้นสอบสวนของจำเลยก็ดี ล้วนแล้วแต่เป็นพยานบอกเล่าธนบัตรของกลางจำเลยก็ปฏิเสธอยู่ว่าไม่ได้ค้นได้ที่ตัวจำเลยเฮโรอีนของกลางมีเพียง 4 ห่อ น้ำหนักรวม 0.18 กรัม เท่านั้นจำเลยอาจมีไว้เพื่อเสพดังที่อ้างก็เป็นได้ ทั้งเมื่อจำเลยถูกตรวจค้นพบเฮโรอีนของกลาง จำเลยก็ได้บอกว่าตนเป็นผู้ติดยาเสพติดพยานหลักฐานโจทก์จึงยังไม่แน่นแฟ้น มั่นคงพอที่จะให้รับฟังได้โดยปราศจากข้อสงสัยว่าจำเลยมีเฮโรอีนของกลางไว้เพื่อจำหน่ายและจำหน่ายเฮโรอีนตามฟ้อง
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยมีเฮโรอีนไฮโดรคลอไรด์ จำนวน 4 ห่อน้ำหนักรวม 0.18 กรัม ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย และจำเลยได้ขายเฮโรอีนไฮโดรคลอไรด์ 1 ห่อ อันเป็นส่วนหนึ่งของเฮโรอีนไฮโดรคลอไรด์ให้แก่สายลับผู้ล่อซื้อในราคา 20 บาท ขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 66, 67, 102ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 ริบของกลาง และขอให้คืนธนบัตรจำนวน 20 บาทที่ใช้ล่อซื้อแก่เจ้าของ
จำเลยให้การว่า จำเลยมีเฮโรอีนไฮโดรคลอไรด์ของกลางตามฟ้องไว้ในครอบครองเพื่อเสพ จำเลยมิได้มีไว้เพื่อจำหน่ายหรือจำหน่ายแต่อย่างใด
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 67 ให้จำคุก 2 ปี จำเลยให้การรับสารภาพว่ามีเฮโรอีนของกลางไว้ในครอบครองเพื่อเสพ เป็นประโยชน์แก่การพิจารณาอยู่บ้างนับเป็นเหตุบรรเทาโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 ลดโทษให้กึ่งหนึ่งคงจำคุก 1 ปีริบเฮโรอีนของกลาง คืนธนบัตร 20 บาท ของกลางให้แก่เจ้าของ
โจทก์อุทธรณ์ขอให้ลงโทษจำเลยฐานมีเฮโรอีนไว้เพื่อจำหน่ายและจำหน่ายเฮโรอีน
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดฐานมีเฮโรอีนเพื่อจำหน่ายและจำหน่ายเฮโรอีนตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษพ.ศ. 2522 มาตรา 66 วรรคหนึ่ง ลงโทษฐานมีเฮโรอีนเพื่อจำหน่ายจำคุก 5 ปี ฐานจำหน่ายเฮโรอีนจำคุก 5 ปี รวมจำคุก 10 ปี จำเลยให้การในชั้นจับกุมและสอบสวนเป็นประโยชน์ในการพิจารณาอันเป็นเหตุบรรเทาโทษ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 จึงลดโทษให้หนึ่งในสามคงจำคุกจำเลย 6 ปี 8 เดือน นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงฟังได้ในเบื้องต้นว่าจำเลยมีเฮโรอีนของกลางไว้ในครอบครอง คดีมีปัญหาที่จะต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยว่าจำเลยมีเฮโรอีนของกลางไว้เพื่อจำหน่ายและได้จำหน่ายเฮโรอีนตามฟ้องโจทก์หรือไม่ เห็นว่า คดีนี้โจทก์ไม่มีสายลับที่อ้างว่าเป็นผู้ซื้อเฮโรอีนจากจำเลยมาเป็นพยาน จำเลยย่อมเสียเปรียบไม่มีโอกาสซักค้านพยานโจทก์เพื่อให้ข้อเท็จจริงกระจ่างชัด คำของร้อยตำรวจตรีประชา เนียมสุภาพ กับสิบตำรวจตรีเฉลิมชัย ยังเจริญ เจ้าพนักงานตำรวจผู้จับกุม พยานโจทก์ที่เบิกความว่าใช้สายลับเข้าไปล่อซื้อเฮโรอีนจากจำเลยก็ดี คำให้การรับสารภาพในชั้นจับกุมและชั้นสอบสวนของจำเลยก็ดี ล้วนแล้วแต่เป็นพยานบอกเล่า ธนบัตรของกลางจำเลยก็ปฏิเสธอยู่ว่าไม่ได้ค้นได้ที่ตัวจำเลย เฮโรอีนของกลางมีเพียง 4 ห่อ น้ำหนักรวม 0.18 กรัมเท่านั้น จำเลยอาจมีไว้เพื่อเสพดังที่อ้างก็เป็นได้ ทั้งร้อยตำรวจตรีประชากับสิบตำรวจตรีเฉลิมชัยก็เบิกความตอบทนายจำเลยซักค้านว่า เมื่อตรวจค้นพบเฮโรอีนของกลาง จำเลยได้บอกว่าตนเป็นผู้ติดยาเสพติด พยานหลักฐานโจทก์จึงยังไม่แน่นแฟ้นมั่นคงพอที่จะให้รับฟังได้โดยปราศจากข้อสงสัยว่าจำเลยมีเฮโรอีนของกลางไว้เพื่อจำหน่ายและได้จำหน่ายเฮโรอีนตามฟ้อง
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้บังคับคดีตามคำพิพากษาของศาลชั้นต้น