คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 411/2494

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

การหว่านกล้าก็ดี ปลูกต้นข้าวก็ดี รุกล้ำเข้าไปในทางหลวงนั้น จะให้ถือว่าเป็นการเอาไปทอดทิ้งยังไม่ได้ จึงไม่เป็นผิดตาม ก.ม.ลักษณะอาญามาตรา 336 ข้อ 1 และจะถือว่าเป็นการปลูกสร้างสิ่งใด ๆ ยังไม่ได้ จึงไม่เป็นผิดตามมาตรา 336 ข้อ 2 ดุจกัน (อ้างฎีกาที่ 78,79,80/2843 และที่ 148/2483 )

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ ๒๐ มิถุนายน ๒๐ มิถุนายน ๒๔๙๒ เวลากลางวันจำเลยบังอาจหว่านกล้าปลูกข้าวรุกล้ำเข้าไปในทางหลวงกีดกั้นทางหลวงสายต่อจากถนนเขื่อนธานีไปลำทวน และปลูกต้นข้าวทอดทิ้งไว้เป็นเหตุให้ขัดข้องแก่ความสดวกในการไปมาของสาธารณะชน ซึ่งใช้ทางนั้น เหตุเกิดที่ตำบลในเมืองอำเภอยะโสธร จังหวัดอุบลราชธานี ขอให้ลงโทษตาม ก.ม.ลักษณะอาญามาตรา ๓๓๖(๑) (๒)
ชั้นแรกจำเลยปฏิเสธ ครั้นสืบพยานโจทก์ไปบ้างแล้วขอรับว่าได้ทำผิดจริงดังฟ้อง แต่เถียงว่าไม่เป็นผิดตามโจทก์ขอ
ศาลชั้นต้นอ้างฎีกาที่ ๗๘-๗๙-๘๐ /๒๔๘๓ และฎีกาที่ ๑๔๘/๒๔๘๓ พิพากษาให้ยกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์เห็นว่า การกระทำของจำเลยผิดตาม ก.ม.ลักษณะอาญามาตรา ๓๓๖(๑) (๒) ดังนัยฎีกาที่ ๗๒๑/๒๔๘๙ จึงพิพากษาปรับจำเลย ๖ บาท
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า การหว่านกล้าก็ดี การปลูกต้นข้าวก็ดี ดังที่กล่าวในฟ้องคดีนี้ จะให้ถือว่าเป็นการเอาไปทอดทิ้งยังไม่ได้ การกระทำของจำเลยจึงไม่เป็นผิดตามมาตรา ๓๓๖(๑) ดังฎีกาที่ ๑๔๘/๒๔๘๓
และการหว่านกล้าปลูกข้าวจะถือว่าปลูกสร้างสิ่งใดยังไม่ได้ จำเลยจึงไม่มีผิดตามมาตรา ๓๓๖ ข้อ ๒ ดุจกันดังนัยฎีกาที่ ๗๘/-๗๙-๘๐/๒๔๘๓
จึงพิพากษากลับให้ยกฟ้องโจทก์

Share