แหล่งที่มา : สำนักงาน ส่งเสริมงานตุลาการ
ย่อสั้น
ตามคำพยานโจทก์ที่เบิกความต่อศาลปรากฏว่าไม่เห็นจำเลยยิงผู้เสียหายทั้งพวกของจำเลยก็มีถึงประมาณ10-20คนมีอาวุธปืนเกือบทุกคนเจ้าพนักงานผู้จับกุมจำเลยก็เบิกความว่าบาดแผลของผู้เสียหายเป็นแผลถูกกระสุนปืนลูกซองมิใช่กระสุนปืนเอ็ม 16ที่จำเลยถืออยู่พยานหลักฐานดังกล่าวจึงเชื่อว่าจำเลยมิได้ยิงผู้เสียหายและมิได้เกี่ยวข้องในการยิงแต่อย่างใดกรณีไม่อาจถือว่าจำเลยเป็นตัวการร่วมกระทำความผิดกับผู้ที่ใช้อาวุธปืนยิงผู้เสียหายด้วย จำเลยเป็นกรรมการวัดที่เกิดเหตุขณะเกิดเหตุทำหน้าที่รักษาความสงบอยู่ในงานที่วัดนั้นอาวุธปืนที่มีในขณะเกิดเหตุก็เป็นของทางราชการมอบให้กำนันไว้ปราบปรามโจรผู้ร้ายเมื่อไม่ปรากฏว่าจำเลยได้รับโทษจำคุกมาก่อนสมควรให้โอกาสจำเลยกลับตัวศาลพิพากษารอการลงโทษความผิดฐานมีอาวุธปืนนั้น.
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยมีอาวุธปืน อ็ม 16 1 กระบอก ซึ่งเป็นอาวุธปืนที่นายทะเบียนไม่อาจออกใบออนุญาตให้ได้ไว้ในครอบครองโดยฝ่าฝืนกฎหมาย และร่วมกับพวกที่ยังหลบหนีใช้อาวุธปืนยิงผู้เสียหายหลายนัดโดยเจตนาฆ่า กระสุนปืนถูกผู้เสียหายที่บริเวณสะโพกซึ่งเป็นอวัยวะไม่สำคัญและแพทย์รักษาทันท่วงที ผู้เสียหายจึงไม่ตาย เพียงแต่ได้รับอันตรายแก่กาย ขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนเครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิดดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืนพ.ศ. 2490 มาตรา 55, 78 ฯลฯ และประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 80, 83,และ 288
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน พ.ศ. 2490 มาตรา 55 และ 78 พระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืนฯ (ฉบัยที่ 7) พ.ศ. 2522 มาตรา 6 และ 8กฎกระทรวง ฉบับที่ 11 (พ.ศ. 2522) ออกตามความในพระราชบัญญัติอาวุธ)ืน เครื่องกระสุนปืนฯ พ.ศ. 2490 ข้อ 2 และ 3 จำคุก 5 ปีและมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288, 80 และ 83 จำคุก10 ปี รวมเป็นตำคุก 15 ปี คำรับและคำให้การของจำเลยเป็นประโยชน์แก่การพิจารณาอยู่บ้างลดโทษให้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78หนึ่งในสามคงจำคุก 10 ปี
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับให้ยกฟ้อง
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ข้อหาพยายามฆ่าผู้อื่นนั้น โจทก์มีประจักษ์พยานมาเบิกความ 2 ปาก คือ ผู้เสียหายและนายปราโมทย์ผู้เสียหายมิได้เบิกความเลยว่าเห็นจำเลยยิงผู้เสียหาย นายปราโมทย์เบิกความว่า ไม่เห็นจำเลยยิงผู้เสียหาย พวกของจำเลยที่วิ่งขึ้นบนกุฎิพระมีประมาณ 10 – 20 คน มีอาวุธปืนเกือบทุกคน พันตำรวจตรีสนั่นผู้จับกุมจำเลยและตรวจสถานที่เกิดเหตุเบิกความว่าไม่เชื่อว่าจำเลยเป็นคนยิงผู้เสียหายเพราะตรวจดูบาดแผล ผู้เสียหายแล้วปรากฏว่าถูกกระสุนปืนลูกซองมิใช่กระสุนปืนเอ็ม 16 พันตำรวจตรีสนั่นเก็บหมอนกระสุนปืนลูกซองได้ที่ใต้บันไดกุฎิพระที่เกิดเหตุศาลฎีกาได้นำคำเบิกความพยานโจทก์ดังกล่าวมาพิเคราะห์ประกอบกับเหตุผลที่ว่าขณะผู้เสียหายถูกยิงจำเลยมิได้ถือปืนลูกซองแล้ว เชื่อว่าจำเลยมิได้ยิงผู้เสียหาย นอกจากนี้ตามพฤติการณ์แห่งคดีเป็นเรื่องที่ผู้ที่ยิงผู้เสียหายได้ตัดสินใจยิ่งไปโดยลำพังและโดยฉับพลันที่ผู้เสียหายวิ่งขึ้นกุฎิพระโดยจำเลยมิได้เกี่ยวข้องในการยิงด้วยแต่อย่างใด ถือไม่ได้ว่าจำเลยเป็นตัวการร่วมกระทำความผิดกับผู้ที่ใช้อาวุธปืนยิงผู้เสียหายด้วย ฎีกาของโจทก์สำหรับข้อหาพยายามฆ่าผู้อื่นฟังไม่ขึ้น”
สำหรับข้อหาฐานมีอาวุธปืนเอ็ม 16 1 กระบอก ซึ่งเป็นอาวุธปืนที่นายทะเบียนไม่อาจออกใบอนุญาตให้ได้ไว้ในครอบครองโดยฝ่าฝืนกฎหมายนั้น ศาลฎีกาวินิจฉัยว่าคืนเกิดเหตุเวลาประมาณ 4นาฬิกา ซึ่งเป็นเวลาที่ผู้เสียหายถูกยิง จำเลยซึ่งยังคงรักษาความสงบในงานได้ถืออาวุธปืนเอ็ม 16 ซึ่งเป็นอาวุธปืนที่ทางราชการมอบให้นายเฉี่ยวไว้ปราบปรามโจรผู้ร้ายไว้ในมือ ถือได้ว่าจำเลยมีอาวุธปืนตามความหมายของมาตรา 7 แห่งพระราชบัญญัติอาวุธปืนเครื่องกระสุนปืนฯ พ.ศ. 2490 แต่จำเลยเป็นกรรมการวัดที่เกิดเหตุขณะเกิดเหตุจำเลยรักษาความสงบอยู่ในงานฉลองผ้าป่าและและกฐินโดยได้รับการขอร้องจากกำนัน อาวุธปืนซึ่งจำเลยมีในขณะเกิดเหตุเป็นอาวุธปืนที่ทางราชการมอบให้กำนันไว้ปราบปรามโจรผู้ร้ายไม่ปรากฏว่าจำเลยได้รับโทษจำคุกมาก่อน ได้พิเคราะห์ถึงสิ่งแวดล้อมของจำเลยและสภาพความผิดแล้วเห็นสมควรให้โอกาสจำเลยกลับตัว
พิพากษาแก้เป็นว่าจำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนเครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืนพ.ศ. 2490 มาตรา 55 และ 78 ที่แก้ไขแล้ว กฎกระทรวง ฉบับที่ 11(พ.ศ. 2522) ออกตามความในพระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืนวัตถุระเบิด ดอกไม้เพบิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ. 2490 ข้อ 2จำคุก 2 ปี ข้อหานี้จำเลยรับสารภาพชั้นจับกุม เป็นโยชน์แก่การพิจารณา นับเป็นเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 78 หนึ่งในสาม คงจำคุก 1 ปี 4 เดือน รอการลงโทษไว้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 56 มีกำหนด 2 ปี นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์.