คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4075/2558

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ที่ 1 ลงลายมือในเอกสารโดยรู้อยู่แล้วว่าข้อความในเอกสารมีความหมายเช่นไร เมื่อข้อความในเอกสารมีข้อความชัดแจ้งว่าโจทก์ที่ 1 ขอสละสิทธิในการเรียกร้องค่าสินไหมทดแทนจากจำเลยที่ 1 โจทก์ที่ 1 จึงหาอาจฟ้องให้จำเลยที่ 1 ต้องรับผิดในค่าสินไหมทดแทนได้ไม่ จำเลยที่ 2 แม้จะเป็นผู้รับประกันภัยในรถจักรยานยนต์ที่บุตรของโจทก์ที่ 1 เป็นผู้ขับ ซึ่งจำเลยที่ 2 ต้องรับผิดต่อโจทก์ที่ 1 ตามกรมธรรม์ประกันภัย แต่เนื่องจากโจทก์ที่ 1 ได้ทำบันทึกขอสละสิทธิในการเรียกร้องค่าสินไหมทดแทนจากจำเลยที่ 1 และทำสัญญาประนีประนอมยอมความกับ จ. ผู้ละเมิด เป็นเหตุให้จำเลยที่ 2 ไม่อาจเข้ารับช่วงสิทธิของผู้เอาประกันภัยตาม ป.พ.พ. มาตรา 880 ในการใช้สิทธิไล่เบี้ยเอากับจำเลยที่ 1 หรือ จ. โจทก์ที่ 1 จึงหามีสิทธิฟ้องให้จำเลยที่ 2 ต้องรับผิดในค่าสินไหมทดแทนได้ไม่

ย่อยาว

โจทก์ทั้งสองฟ้องขอให้บังคับจำเลยทั้งสองร่วมกันชำระเงิน 182,138.13 บาท แก่โจทก์ที่ 1 พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี ของต้นเงิน 166,253 บาท นับถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จ และให้จำเลยทั้งสองร่วมกันชำระเงิน 56,683.65 บาท แก่โจทก์ที่ 2 พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี ของต้นเงิน 51,740 บาท นับถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าชำระเสร็จ
จำเลยทั้งสองให้การขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง ค่าฤชาธรรมเนียมให้เป็นพับ
โจทก์ทั้งสองอุทธรณ์โดยได้รับอนุญาตให้ยกเว้นค่าธรรมเนียมศาลชั้นอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 5 พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำเลยทั้งสองร่วมกันชดใช้เงินจำนวน 39,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี ของต้นเงินดังกล่าวนับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ที่ 2 ค่าฤชาธรรมเนียมในชั้นนี้ให้เป็นพับ นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
โจทก์ที่ 1 ฎีกา โดยผู้พิพากษาที่ได้นั่งพิจารณาคดีในศาลชั้นต้นรับรองว่ามีเหตุสมควรที่จะฎีกาในข้อเท็จจริง และได้รับอนุญาตให้ยกเว้นค่าธรรมเนียมศาลชั้นฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงรับฟังเป็นที่ยุติในเบื้องต้นโดยไม่มีคู่ความฝ่ายใดฎีกาโต้แย้งคัดค้านว่า โจทก์ที่ 1 เป็นมารดาโดยชอบด้วยกฎหมายของนายณัฐพงษ์ ผู้ตาย จำเลยที่ 1 รับประกันภัยคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถของรถยนต์คันหมายเลขทะเบียน บจ 8408 น่าน จากนายปรีชา จำเลยที่ 2 รับประกันภัยคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถของรถจักรยานยนต์ ยี่ห้อฮอนด้า หมายเลขทะเบียน กพล น่าน 398 จากนายแหลมทอง เมื่อวันที่ 25 ธันวาคม 2554 ผู้ตายขับรถจักรยานยนต์คันหมายเลขทะเบียน กพล น่าน 398 มีโจทก์ที่ 2 นั่งซ้อนท้ายมา เฉี่ยวชนกับรถยนต์คันหมายเลขทะเบียน บจ 8408 น่าน ที่มีนางสาวใจกานต์ เป็นผู้ขับโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้ตายถึงแก่ความตาย และโจทก์ที่ 2 ได้รับบาดเจ็บสาหัส วันเกิดเหตุยังอยู่ในระหว่างอายุกรมธรรม์ของรถยนต์และรถจักรยานยนต์ทั้งสองคัน เบื้องต้นจำเลยที่ 2 ได้จ่ายค่าเสียหายอันเป็นค่ารักษาพยาบาลก่อนเสียชีวิตและค่าปลงศพของผู้ตายกับค่ารักษาพยาบาลของโจทก์ที่ 2 โดยจำเลยที่ 2 จ่ายค่าเสียหายเบื้องต้นในส่วนนี้แก่โจทก์ที่ 1 และโรงพยาบาลในนามของโจทก์ทั้งสองแล้ว ในระหว่างนั้น เมื่อวันที่ 11 มกราคม 2555 โจทก์ที่ 1 นางละอองดาว มารดาโจทก์ที่ 2 และนางสาวใจกานต์ ได้ตกลงทำบันทึกโดยนางสาวใจกานต์ได้ชดใช้ค่าสินไหมทดแทนให้โจทก์ที่ 1 เป็นเงิน 270,000 บาท และต่อมาโจทก์ที่ 1 ได้ลงลายมือชื่อในเอกสารหมาย ล.3 เรื่องขอสละสิทธิในการเรียกร้องค่าสินไหมทดแทนจากจำเลยที่ 1 ต่อมาวันที่ 17 พฤษภาคม 2555 ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าเหตุเฉี่ยวชนกันครั้งนี้เกิดจากความประมาทของนางสาวใจกานต์ผู้ขับรถยนต์คันหมายเลขทะเบียน บจ 8408 น่าน คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์ที่ 1 เพียงว่า โจทก์ที่ 1 มีอำนาจฟ้องจำเลยทั้งสองหรือไม่ เพียงใด เห็นว่า บันทึกตกลงความชดใช้ค่าเสียหาย ค่าปลงศพ เป็นบันทึกที่คู่กรณีมีเจตนาระงับข้อพิพาทที่มีอยู่ให้เสร็จสิ้นไปด้วยการยอมผ่อนผันให้แก่กัน จึงมีลักษณะเป็นสัญญาประนีประนอมยอมความและมีผลในการเรียกร้องในมูลละเมิดที่คู่กรณีตกลงกันเป็นอันระงับสิ้นไป ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 850 และ 852 นอกจากนี้การที่โจทก์ที่ 1 ได้ลงลายมือชื่อในเอกสาร ซึ่งมีรายละเอียดเกี่ยวกับโจทก์ที่ 1 ขอสละสิทธิในการเรียกร้องค่าสินไหมทดแทนจากจำเลยที่ 1 แม้โจทก์ที่ 1 จะอ้างว่า เหตุที่ลงลายมือชื่อเพราะนางสาวเนาวรัตน์พี่สาวของนางสาวใจกานต์และนายนนทพัทธ์ เป็นผู้นำเอกสารดังกล่าวมาให้ลงลายมือชื่อโดยโจทก์ที่ 1 ไม่ได้อ่านข้อความในเอกสารและยังได้มอบสำเนาใบมรณบัตรบัตรประจำตัวประชาชนและทะเบียนบ้านให้นางสาวเนาวรัตน์ไป เห็นว่า โจทก์ที่ 1 สามารถอ่านและเขียนภาษาไทยได้ ทั้งข้อความในเอกสารก็เป็นข้อความที่มิได้ยุ่งยากซับซ้อน ทั้งเนื้อหาก็สอดคล้องกับบันทึกตกลงความชดใช้ค่าเสียหาย ค่าปลงศพ กล่าวคือ โจทก์ที่ 1 พึงพอใจในค่าสินไหมทดแทนที่ได้รับจากนางสาวใจกานต์แล้ว ข้อเท็จจริงจึงรับฟังได้ว่า โจทก์ที่ 1 ลงลายมือชื่อโดยรู้อยู่แล้วว่าข้อความในเอกสารมีความหมายเช่นไร เมื่อข้อความในเอกสารมีข้อความชัดแจ้งว่าโจทก์ที่ 1 ขอสละสิทธิในการเรียกร้องค่าสินไหมทดแทนจากจำเลยที่ 1 โจทก์ที่ 1 จึงหาอาจฟ้องให้จำเลยที่ 1 ต้องรับผิดในค่าสินไหมทดแทนได้ไม่ สำหรับในส่วนของจำเลยที่ 2 แม้จะเป็นผู้รับประกันภัยในรถจักรยานยนต์ที่บุตรของโจทก์ที่ 1 เป็นผู้ขับ ซึ่งจำเลยที่ 2 ต้องรับผิดต่อโจทก์ที่ 1 ตามกรมธรรม์ประกันภัย แต่เนื่องจากโจทก์ที่ 1 ได้ทำบันทึกขอสละสิทธิในการเรียกร้องค่าสินไหมทดแทนจากจำเลยที่ 1 และทำสัญญาประนีประนอมยอมความกับนางสาวใจกานต์ผู้ทำละเมิด เป็นเหตุให้จำเลยที่ 2 ไม่อาจเข้ารับช่วงสิทธิของผู้เอาประกันภัยตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 880 ในการใช้สิทธิไล่เบี้ยเอากับจำเลยที่ 1 หรือนางสาวใจกานต์ โจทก์ที่ 1 จึงหามีสิทธิฟ้องให้จำเลยที่ 2 ต้องรับผิดในค่าสินไหมทดแทนได้ไม่ ที่ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ภาค 5 พิพากษามานั้นชอบแล้ว ฎีกาของโจทก์ที่ 1 ฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นฎีกาให้เป็นพับ

Share