แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ศาลชั้นต้นได้มีคำสั่งให้จำเลยนำส่งสำเนาฎีกาให้แก่โจทก์ภายใน 7 วัน ซึ่งเป็นการสั่งตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 70 วรรคท้าย จำเลยทราบคำสั่งแล้ว จำเลยหรือผู้แทนจำเลยไม่นำส่งสำเนาฎีกาให้แก่โจทก์ตามกำหนดเวลาดังกล่าว แม้ข้ออ้างในฎีกาของจำเลยที่ว่าจำเลยได้เสียค่าใช้จ่ายในการนำส่งแล้วจะเป็นจริงก็ไม่ทำให้จำเลยหมดหน้าที่ที่จะต้องจัดการนำส่งตามคำสั่งของศาลชั้นต้น เมื่อจำเลยไม่ปฏิบัติจึงเป็นการเพิกเฉยไม่ดำเนินคดีภายในเวลาที่ศาลชั้นต้นกำหนด ถือว่าจำเลยทิ้งฟ้องฎีกา ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 174(2) ประกอบมาตรา 246และมาตรา 247
ย่อยาว
คดีสืบเนื่องมาจากโจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยและบริวารออกไปจากแผงลอยเพราะเหตุผิดสัญญาไม่ชำระค่าเช่าพร้อมกับเรียกค่าเสียหายจำเลยให้การต่อสู้คดี ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยและบริวารออกไปจากแผงลอยพิพาท ห้ามเกี่ยวข้องอีกต่อไป ให้จำเลยชำระค่าเช่าที่ค้างจำนวน 4,200 บาท และให้ใช้ค่าเสียหายเดือนละ 1,000 บาทนับแต่วันฟ้องจนกว่าจะออกไปจากแผงลอยพิพาทให้แก่โจทก์
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษายกอุทธรณ์จำเลย
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีนี้ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับฎีกาจำเลยจำเลยอุทธรณ์คำสั่ง ศาลฎีกามีคำสั่งให้รับฎีกาจำเลย ศาลชั้นต้นได้มีคำสั่งให้จำเลยนำส่งสำเนาฎีกาให้แก่โจทก์ภายใน 7 วันซึ่งเป็นการสั่งตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 70วรรคท้าย ปรากฏตามรายงานกระบวนพิจารณาลงวันที่ 9 กันยายน 2534จำเลยทราบคำสั่งแล้ว จำเลยหรือผู้แทนจำเลยไม่นำส่งสำเนาฎีกาให้แก่โจทก์ตามกำหนดเวลาดังกล่าว แม้ข้ออ้างในฎีกาของจำเลยที่ว่าจำเลยได้เสียค่าใช้จ่ายในการนำส่งสำเนาฎีกาแล้วจะเป็นจริงก็ไม่ทำให้จำเลยหมดหน้าที่ที่จะต้องจัดการนำส่งตามคำสั่งของศาลชั้นต้น เมื่อจำเลยไม่ปฏิบัติจึงเป็นการเพิกเฉยไม่ดำเนินคดีภายในเวลาที่ศาลชั้นต้นกำหนด ถือว่าจำเลยทิ้งฟ้องฎีกา ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 174(2) ประกอบด้วยมาตรา 246 และมาตรา 247 ให้จำหน่ายคดีเสียจากสารบบความ