แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลยบุกรุกเข้าไปในร้านของ จ.แล้วทำร้าย ย.ในที่นั้นทันที เห็นได้ชัดว่าจำเลยมีเจตนาประสงค์ต่อผลโดยตรงต่อการที่จะทำร้าย ย. และการกระทำก็ไม่ขาดตอน ทั้งการที่ทำร้าย ย.ก็เป็นเหตุหนึ่งที่แสดงถึงความที่ไม่มีเหตุอันสมควรที่จะเข้าไปในเคหสถานของ จ.อันเป็นองค์สำคัญของความผิดฐานบุกรุกตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 364 ด้วย การกระทำของจำเลยจึงเป็นกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบท เมื่อต้องคำพิพากษาเสร็จเด็ดขาดในความผิดฐานทำร้ายร่างกายไปแล้ว สิทธิที่จะฟ้องจำเลยฐานบุกรุกย่อมระงับไป
(ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 4/2507)
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยบังอาจบุกรุกเข้าไปในร้านขายอาหารของนายเจ้งซ้ง แซ่โค้ว ซึ่งชั้นบนเป็นที่อาศัยและขณะนั้นได้ปิดร้านแล้ว โดยไม่มีเหตุอันสมควรจะเข้าไปได้ และยังได้ใช้กำลังประทุษร้ายนายยูนุซ มะหะมัด เป็นอันตรายแก่กายถึงบาดเจ็บ อันเป็นรบกวนการครอบครองอสังหาริมทรัพย์ของนายเจ้งซ้งโดยปกติสุขอีกด้วย ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๖๒,๓๖๔,๓๖๕,๓๖๖
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลอาญาฟังว่า เรื่องที่จำเลยทำร้ายร่างกายนายยูนุซนั้น ผู้ว่าคดีได้ฟ้องจำเลยต่อศาลแขวงพระนครเหนือ ศาลแขวงพระนครเหนือได้พิพากษาลงโทษจำเลย คดีถึงที่สุดแล้ว การบุกรุกในคดีนี้เป็นกรรมเดียววาระเดียวกับความผิดฐานทำร้ายร่างกาย ไม่ใช่เรื่องต่างกรรมต่างวาระกัน ฟ้องของโจทก์จึงต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา๓๙(๔) พิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาได้ปรึกษาคดีโดยที่ประชุมใหญ่แล้ว เห็นว่าศาลฎีกาจะต้องฟังข้อเท็จจริงตามศาลอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์ฟังว่า จำเลยบุกรุกเข้าไปในร้านของนายเจ้งซ้งแล้วทำร้ายนายยูนุซในที่นั้นทันที การกระทำของจำเลยในครั้งนี้เห็นได้ว่าจำเลยมีเจตนาประสงค์ต่อผลโดยตรงต่อการที่จะทำร้ายนายยูนุซ และจำเลยได้ทำร้ายนายยูนุซในทันทีที่เข้าไป การกระทำของจำเลยไม่ขาดตอน ทั้งการที่จำเลยทำร้ายนายยูนุซนั้น ก็เป็นเหตุหนึ่งที่ส่อแสดงถึงความที่ไม่มีเหตุอันสมควรที่จะเข้าไปในเคหสถานของนายเจ้งซ้งอันเป็นองค์สำคัญของความผิดฐานบุกรุกตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๓๖๔ อยู่ด้วย การกระทำของจำเลยเป็นกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท เมื่อต้องคำพิพากษาเสร็จเด็ดขาดในความผิดฐานทำร้ายร่างกายไปแล้ว สิทธิที่จะฟ้องจำเลยฐานบุกรุกย่อมระงับไปตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๓๙(๔) พิพากษายืน