แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ
ย่อสั้น
เจ้าพนักงานบังคับคดีดำเนินการตามหมายบังคับคดีโดยยึดและขายทอดตลาดทรัพย์จำนองรวมทั้งรับเงินที่ได้จากการขายทอดตลาดไว้เพื่อชำระหนี้ให้โจทก์ตามคำพิพากษา เป็นการทำไปในฐานะเป็นผู้แทนโจทก์ถือว่าเงินที่เจ้าพนักงานบังคับคดีได้รับจากการขายทอดตลาดทรัพย์จำนองของจำเลยในวันที่เจ้าพนักงานบังคับคดีขายทอดตลาดเป็นเงินที่โจทก์ได้รับชำระหนี้ตามคำพิพากษาแล้ว โจทก์มีสิทธิเรียกดอกเบี้ยในหนี้จำนองถึงวันขายทอดตลาดเท่านั้น ที่เจ้าพนักงานบังคับคดีทำบัญชีส่วนเฉลี่ยเสร็จล่าช้าไปหลายปีนับแต่วันขายทอดตลาดก็เพราะมีผู้เข้าสู้ราคาคัดค้านการขายทอดตลาด และโจทก์คัดค้านบัญชีส่วนเฉลี่ยในเรื่องจำนวนเงินตามบุริมสิทธิในฐานะเจ้าหนี้จำนองที่โจทก์จะได้รับ จำเลยหาได้มีส่วนเกี่ยวข้องหรือมีส่วนทำให้เจ้าพนักงานบังคับคดีทำบัญชีส่วนเฉลี่ยเสร็จล่าช้าไม่จำเลยจึงไม่ต้องรับผิดชำระดอกเบี้ยให้โจทก์หลังจากวันขายทอดตลาดทรัพย์จำนองอีกต่อไป
ย่อยาว
คดีสืบเนื่องมาจากโจทก์ฟ้องจำเลยให้ชำระเงิน 228,142,339.62 บาทพร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 15 ต่อปี ในต้นเงิน 228,142,339.62 บาทนับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าชำระหนี้ให้โจทก์เสร็จสิ้น ศาลชั้นต้นพิพากษาตามยอมให้จำเลยชำระเงินจำนวน 200,000,000 บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 12 ต่อปี ในต้นเงินดังกล่าวนับแต่วันทำสัญญาประนีประนอมยอมความเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จ จำเลยจะผ่อนชำระหนี้เป็นรายเดือนหากผิดนัดยอมให้โจทก์บังคับคดีได้เต็มจำนวนตามฟ้อง โดยยึดทรัพย์จำนองออกขายทอดตลาด หากได้เงินไม่พอให้ยึดทรัพย์สินอื่นของจำเลยออกขายทอดตลาดนำเงินมาชำระหนี้จนครบถ้วน และให้ใช้ค่าฤชาธรรมเนียมที่ศาลไม่สั่งคืนแก่โจทก์ จำเลยไม่ชำระหนี้ตามคำพิพากษา โจทก์ขอบังคับคดีและนำเจ้าพนักงานบังคับคดียึดที่ดินโฉนดเลขที่ 369, 9680 แขวงป้อมปราบเขตป้อมปราบศัตรูพ่าย กรุงเทพมหานคร พร้อมสิ่งปลูกสร้างที่จำเลยจดทะเบียนจำนองไว้แก่โจทก์ออกขายทอดตลาดได้เงิน 166,000,000 บาท สำหรับที่ดินทรัพย์จำนองทั้งสองแปลง จำเลยจดทะเบียนจำนองเพื่อประกันหนี้สินจำนองอันดับที่ 1 แก่โจทก์รวม 2 ครั้ง ในวงเงิน 35,000,000 บาท ดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 13 ต่อปี จำนองอันดับที่ 2 แก่ผู้คัดค้านในวงเงิน 60,000,000 บาทดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 20 ต่อปี จำนองอันดับที่ 3 แก่โจทก์ในวงเงิน 60,000,000บาท ดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 17.5 ต่อปี ผู้คัดค้านยื่นคำร้องขอรับชำระหนี้ตามคำพิพากษาในฐานะเป็นเจ้าหนี้จำนองอันดับที่ 2 ศาลชั้นต้นอนุญาต
เจ้าพนักงานบังคับคดีจัดทำบัญชีแสดงรายการรับและจ่ายเงิน(บัญชีส่วนเฉลี่ย) ใหม่เมื่อวันที่ 23 มีนาคม 2542 ตามคำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6678/2541 ในคดีนี้ ซึ่งพิพากษาให้โจทก์ได้รับชำระหนี้จำนองอันดับที่ 1จำนวนเงิน 35,000,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 13 ต่อปี นับแต่วันที่ศาลชั้นต้นพิพากษาตามยอมจนกว่าจะได้รับชำระหนี้ครบถ้วนตามบุริมสิทธิ ในการทำบัญชีส่วนเฉลี่ยดังกล่าว เจ้าพนักงานบังคับคดีคิดดอกเบี้ยตามบุริมสิทธิให้แก่โจทก์ถึงวันที่ 16 ธันวาคม 2534 ซึ่งเป็นวันขายทอดตลาดที่ดินทรัพย์จำนอง
โจทก์ยื่นคำร้องคัดค้านบัญชีส่วนเฉลี่ยของเจ้าพนักงานบังคับคดีว่าโจทก์มีสิทธิรับดอกเบี้ยในหนี้จำนองอันดับที่ 1 ถึงวันที่ 29 มีนาคม 2542อันเป็นวันทำบัญชีส่วนเฉลี่ยเสร็จ
ผู้คัดค้านยื่นคำคัดค้าน ขอให้ยกคำร้องของโจทก์
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้เจ้าพนักงานบังคับคดีจัดทำบัญชีส่วนเฉลี่ยแสดงจำนวนเงินที่จ่ายให้เจ้าหนี้ตามคำพิพากษาใหม่ โดยให้โจทก์มีสิทธิรับชำระดอกเบี้ยจนถึงวันที่เจ้าพนักงานบังคับคดีทำบัญชีส่วนเฉลี่ยเสร็จตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 319
ผู้คัดค้านอุทธรณ์เฉพาะปัญหาข้อกฎหมายโดยตรงต่อศาลฎีกาโดยได้รับอนุญาตจากศาลชั้นต้นตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 223 ทวิ
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “พิเคราะห์แล้ว มีปัญหาข้อกฎหมายที่ต้องวินิจฉัยตามอุทธรณ์ของผู้คัดค้านว่า โจทก์ในฐานะเจ้าหนี้จำนองอันดับที่ 1 มีสิทธิได้รับดอกเบี้ยถึงวันขายทอดตลาดทรัพย์จำนอง หรือถึงวันที่เจ้าพนักงานบังคับคดีทำบัญชีส่วนเฉลี่ยเสร็จ เห็นว่า ในเรื่องนี้ศาลฎีกาเคยวินิจฉัยไว้แล้วตามคำพิพากษาฎีกาที่ 6678/2541 ให้โจทก์มีสิทธิรับชำระดอกเบี้ยไปจนกว่าจะได้รับชำระหนี้ครบถ้วนตามบุริมสิทธิ การรับชำระหนี้ของโจทก์จากจำเลยอาจเป็นกรณีที่โจทก์ได้รับชำระหนี้โดยตรงหรือโดยบุคคลอื่นซึ่งมีอำนาจรับชำระหนี้แทนโจทก์ก็ได้ การที่เจ้าพนักงานบังคับคดีดำเนินการตามหมายบังคับคดี โดยทำการยึดและขายทอดตลาดทรัพย์จำนองรวมทั้งรับเงินที่ได้จากการขายทอดตลาดไว้เพื่อชำระหนี้ให้โจทก์ตามคำพิพากษา การกระทำดังกล่าวเจ้าพนักงานบังคับคดีกระทำไปในฐานะเป็นผู้แทนโจทก์ซึ่งเป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 278กรณีต้องถือว่าเงินที่เจ้าพนักงานบังคับคดีได้รับจากการขายทอดตลาดทรัพย์จำนองของจำเลยในวันที่ 16 ธันวาคม 2534 อันเป็นวันที่เจ้าพนักงานบังคับคดีได้ขายทอดตลาดเป็นเงินที่โจทก์ได้รับชำระหนี้ตามคำพิพากษาแล้ว จึงต้องทำบัญชีส่วนเฉลี่ย โดยนำเงินที่เจ้าพนักงานบังคับคดีรับไว้แทนโจทก์มาหักทอนกับจำนวนหนี้ที่จำเลยค้างอยู่ในวันขายทอดตลาด เมื่อเงินที่เจ้าพนักงานบังคับคดีรับไว้เพียงพอชำระหนี้จำนองอันดับที่ 1 แล้ว โจทก์จึงมีสิทธิเรียกดอกเบี้ยในหนี้จำนองอันดับที่ 1 ถึงวันขายทอดตลาดเท่านั้น ที่เจ้าพนักงานบังคับคดีทำบัญชีส่วนเฉลี่ยเสร็จล่าช้าไปหลายปีนับแต่วันขายทอดตลาดก็เพราะมีผู้เข้าสู้ราคาคัดค้านการขายทอดตลาด และโจทก์คัดค้านบัญชีส่วนเฉลี่ยในเรื่องจำนวนเงินตามบุริมสิทธิในฐานะเจ้าหนี้จำนองอันดับที่ 1ที่โจทก์จะได้รับ จำเลยหาได้มีส่วนเกี่ยวข้องหรือมีส่วนทำให้เจ้าพนักงานบังคับคดีทำบัญชีส่วนเฉลี่ยเสร็จล่าช้าแต่อย่างใดไม่ ดังนั้น การที่จะให้จำเลยต้องแบกภาระรับผิดในดอกเบี้ยจนถึงวันที่เจ้าพนักงานบังคับคดีจัดทำบัญชีส่วนเฉลี่ยเสร็จซึ่งเป็นเวลาอีกหลายปีย่อมไม่เป็นธรรมแก่จำเลยอย่างยิ่ง จำเลยจึงไม่ต้องรับผิดชำระดอกเบี้ยให้โจทก์หลังจากวันขายทอดตลาดทรัพย์จำนองอีกต่อไป บัญชีแสดงรายการรับและจ่ายเงิน (บัญชีส่วนเฉลี่ย) ของเจ้าพนักงานบังคับคดีฉบับลงวันที่ 23 มีนาคม 2542 ชอบแล้ว ที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้โจทก์มีสิทธิได้รับดอกเบี้ยจนถึงวันที่เจ้าพนักงานบังคับคดีทำบัญชีส่วนเฉลี่ยเสร็จนั้นไม่ต้องด้วยความเห็นของศาลฎีกา อุทธรณ์ของผู้คัดค้านฟังขึ้น”
พิพากษากลับว่า ให้โจทก์มีสิทธิได้รับดอกเบี้ยในมูลหนี้จำนองอันดับที่ 1 ถึงวันที่ขายทอดตลาดทรัพย์จำนอง คือวันที่ 16 ธันวาคม 2534เท่านั้น