คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 403/2506

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

(1) โจทก์ฟ้องขอให้จำเลยรับผิดเป็นส่วนตัว ไม่ได้ฟ้องบริษัท แม้ไม้จะเป็นของบริษัทแต่เมื่อฟังได้ว่าจำเลยซึ่งเป็นกรรมการจัดการของบริษัทเป็นผู้ครอบครอง ทางพิจารณาก็ไม่ต่างกับฟ้อง
(2) ในกรณีที่จำเลยลวงให้เจ้าพนักงานประทับตราค่าภาคหลวงลงบนไม้นั้น จำเลยจะยกข้อที่ว่าไม้มีตราค่าภาคหลวงประทับอยู่แล้วเพื่อให้พ้นความผิดตามพระราชบัญญัติป่าไม้(ฉบับที่ 3) พ.ศ.2494 มาตรา 16 หาได้ไม่
(3) แม้ทางพิจารณาจะได้ความว่า ไม้ของกลางเป็นของบริษัทมิใช่ของจำเลยแต่เมื่อจำเลยมีไว้เนื่องจากการกระทำผิดต่อพระราชบัญญัติป่าไม้ศาลจึงต้องริบไม้ของกลางตามพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ.2484 มาตรา 74

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานมีไม้ยางท่อนหวงห้ามที่ยังมิได้แปรรูปไว้ในความครอบครองโดยมิได้รับอนุญาต ตามพระราชบัญญัติป่าไม้พ.ศ. 2484 มาตรา 69, 74 แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2494 มาตรา 16

จำเลยให้การปฏิเสธ

ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ. 2484 มาตรา 69, 74 พระราชบัญญัติป่าไม้ (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2494 มาตรา 16 พระราชกฤษฎีกากำหนดไม้หวงห้าม พ.ศ. 2497 จำคุก 1 เดือน ปรับ 400 บาท รออาญาโทษจำคุกไว้ ไม้ของกลางที่มีรอยถูกถากและตราปลอมประทับไว้ 55 ท่อน ให้ริบส่วนอีก 1 ท่อนไม่ริบ

จำเลยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

จำเลยฎีกา ศาลรับเฉพาะที่เป็นข้อกฎหมาย

ศาลฎีกาพิจารณาแล้ววินิจฉัยว่า

(1) ที่จำเลยฎีกาว่าโจทก์ฟ้องจำเลยให้รับผิดเป็นการส่วนตัวมิได้ฟ้องบริษัทป่าไม้นครสวรรค์ จำกัด เป็นจำเลยด้วย แต่ทางพิจารณาได้ความว่า ไม้ของกลางอยู่ในความครอบครองของบริษัทป่าไม้นครสวรรค์จำกัด ข้อเท็จจริงตามทางพิจารณาจึงแตกต่างกับข้อเท็จจริงในฟ้องลงโทษจำเลยไม่ได้ นั้น ศาลฎีกาเห็นว่า เรื่องนี้ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ฟังข้อเท็จจริงว่า จำเลยซึ่งเป็นกรรมการผู้จัดการบริษัทป่าไม้นครสวรรค์ จำกัด เป็นผู้ครอบครองไม้ของกลางอันเป็นไม้ที่ได้มาโดยมิชอบด้วยกฎหมายไว้ ข้อเท็จจริงตามทางพิจารณาจึงไม่ต่างกับฟ้อง

(2) จำเลยฎีกาว่า ตามพระราชบัญญัติป่าไม้ (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2494 มาตรา 16 บัญญัติว่า ผู้ที่จะมีความผิดตามมาตรานี้จะต้องมีไม้หวงห้ามอันยังมิได้แปรรูปกับทั้งมิได้มีรอยตราค่าภาคหลวงประทับไว้ แต่เรื่องนี้ไม้ของกลางมีตราค่าภาคหลวงประทับไว้จึงลงโทษจำเลยไม่ได้ นั้นศาลฎีกาเห็นว่า จำเลยจะยกข้อที่ไม้ของกลางมีตราค่าภาคหลวงประทับแล้วขึ้นอ้างให้พ้นผิดไม่ได้ เพราะจำเลยรู้อยู่แล้วว่าตรา ข.และ ต. เป็นตราปลอมลวงให้เจ้าพนักงานหลงเข้าใจผิดว่าเป็นตราที่แท้จริง เจ้าพนักงานจึงตีตราค่าภาคหลวงลงไป จำเลยย่อมทราบอยู่แก่ใจว่าตราค่าภาคหลวงนี้เกิดขึ้นโดยมิชอบ

(3) จำเลยฎีกาว่า ทางพิจารณาได้ความว่า ไม้ของกลางเป็นของบริษัทป่าไม้นครสวรรค์ จำกัด โจทก์ไม่ได้ฟ้องบริษัทป่าไม้นครสวรรค์ จำกัด เข้าเป็นจำเลยร่วม ศาลจะพิพากษาริบทรัพย์สินของบุคคลภายนอกไม่ได้ นั้น ศาลฎีกาเห็นว่า ตามพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ. 2484 มาตรา 74 บัญญัติว่า “บรรดาไม้หรือของป่าอันได้มาหรือมีไว้เนื่องจากการกระทำผิดต่อพระราชบัญญัตินี้ให้ริบเสียทั้งสิ้น” เรื่องนี้จำเลยมีไว้ซึ่งไม้ของกลางอันเนื่องจากการกระทำผิด ศาลจึงต้องริบไม้ของกลาง

พิพากษายืน

Share