คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 403/2496

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ทายาทของผู้ตายฟ้องผู้จัดการมรดกของผู้ตายขอให้ศาลแสดงว่าตนเป็นทายาทของผู้ตาย และมีสิทธิรับมรดกของผู้ตายแต่ผู้เดียว นั้น เมื่อปรากฎในคำฟ้องว่า จำเลยไปร้องขอรับมรดกที่ดินมรดกโดยแจ้งต่อเจ้าพนักงานว่า ผู้ตายไม่มีทายาทอื่น ดังนี้ เป็นเรื่องที่ทายาทขอให้แสดงสิทธิเท่านั้น จึงไม่เป็นการขัดต่อการจัดการมรดกแต่อย่างใด ฉะนั้นแม้ขณะนั้นจำเลยจะเป็นผู้จัดการมรดกโดยศาลตั้งทายาทผู้นั้นก็ยังฟ้องได้ และศาลก็จะพิพากษาเพียงบแสดงว่าโจทก์เป็นทายาทของผู้ตายเท่านั้น ส่วนจะเป็นทายาทแต่คนเดียวหรือไม่นั้น ไม่ชี้ขาดเพราะเป็นการพิพาทกันระหว่างโจทก์ กับจำเลยซึ่งไปอ้างต่อเจ้าพนักงานว่าไม่มีทายาทอื่น นอกจากจำเลยเท่านั้น./

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นบุตรของนายราฟแบ๊กเก๊ตผู้ตาย มีที่ดินและทรัพย์อื่นเป็นมรดกจำเลยไปร้องต่อพนักงานที่ดินว่า นายราฟแบ๊กเก๊ตไม่มีทายาทอื่น โจทก์จึงขอให้ศาลแสดงว่า โจทก์เป็นทายาทของนายราฟแบ๊กเก๊ตมีสิทธิรับมรดกแต่ผู้เดียว ห้ามจำเลยเข้าเกี่ยวข้อง
จำเลยต่อสู้ว่า จำเลยเป็นผู้จัดการมรดกของผู้ตายตามคำสั่งศาล โจทก์เป็นทายาทจริงแต่ออกจากประเทศไทยนานแล้ว
จะมีตัวอยู่หรือไม่ไม่ทราบ ในอำนาจฟ้อง ฟ้องจะเป็นของโจทก์หรือไม่ ไม่ทราบ อนึ่งจำเลยมีกรรมสิทธิร่วมในที่ดินโฉนดที่พิพาท จะฟ้องจำเลยไม่ให้เกี่ยวข้องไม่ได้
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า ที่ดินโฉนดพิพาทเป็นของบิาโจทก์ และจำเลยคนละครึ่ง สิ่งปลูกสร้างในที่ดินั้นเป็นของบิดาโจทก์ แต่ผู้เดียว โจทก์เป็นทายาท ห้ามไม่ให้จำเลยเกี่ยวข้องที่ดินอันเป็นส่วนของโจทก์ที่ได้รับมรดก
จำเลยอุทธรณ์, ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า ข้อที่โจทก์ ขอให้ศาลสั่งว่าโจทก์เป็นทายาทของผู้ตายและมีสิทธิรับมรดกผู้ตายแต่ผู้เดียว โดยอ้างว่าจำเลยไปร้องขอรับมรดกที่ดินรายนี้ และแจ้งต่อเจ้าพนักงานว่า ผู้ตายไม่มีทายาทอื่นนั้น โจทก์เป็นแต่ขอให้แสดงสิทธิ จึงไม่เป็นการขัดขวางต่อการจัดการมรดกแต่อย่างใด ฉะนั้นแม้จะลยจะเป็นผู้จัดการมรดกโดยศาลาตั้ง โจทก์ยังฟ้องได้.
ส่วนข้อขอให้ห้ามจำเลยเกี่ยวข้องที่พิพาทนั้น ฟ้งข้อเท็จจริงว่า ที่พิพาทและสิ่งปลูกสร้างเป็นของจำเลยครึ่งหนึ่ง ของผู้ตาย
ครึ่งหนึ่ง
จึงพิพากษาแก้ว่า โจทก์เป็นทายาทของนายยราฟแบ๊กเก๊ตผู้ตาย คำขอให้ห้ามจำเลยเกี่ยวข้องกับที่พิพาท ให้ยกเสีย.
ฯลฯ

Share