คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4029/2534

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ตั้งผู้ร้องให้เป็นผู้จัดการมรดกของผู้ตาย ผู้คัดค้านฎีกา ระหว่างการพิจารณาของศาลฎีกา ผู้ร้องถึงแก่กรรม เนื่องจากสิทธิในการร้องขอจัดการมรดกเป็นสิทธิเฉพาะตัวของผู้ร้อง จึงไม่อาจตั้งบุคคลอื่นเข้ามาเป็นคู่ความแทนผู้ร้องได้ให้จำหน่ายคดีเฉพาะของผู้ร้องออกจากสารบบความ ผู้คัดค้านเป็นเจ้าหนี้ตามเช็คของเจ้ามรดก แต่ไม่ยอมรับชำระหนี้ตามที่ผู้ร้องซึ่งอ้างว่าเป็นทายาทตามพินัยกรรมและร้องขอให้ศาลมีคำสั่งตั้งผู้ร้องเป็นผู้จัดการมรดกได้ขอชำระให้ผู้คัดค้านในระหว่างพิจารณาและได้นำต้นเงินและดอกเบี้ยไปวางไว้ที่สำนักงานวางทรัพย์กลาง สิทธิเรียกร้องตามเช็คได้สิ้นสุดแล้วผู้คัดค้านจึงไม่มีส่วนได้เสียในกองมรดกต่อไป ข้ออ้างของผู้คัดค้านที่ว่า เจ้ามรดกยังเป็นหนี้บุคคลอื่นอีกจำนวนมาก ไม่ใช่เหตุที่ผู้คัดค้านจะกล่าวอ้างมาขอให้แต่งตั้งตนเป็นผู้จัดการมรดกได้ ส่วนข้ออ้างของผู้คัดค้านว่า นอกจากเป็นหนี้ตามเช็คแล้ว เจ้ามรดกยังเป็นหนี้อื่น ๆ ต่อผู้คัดค้านอีกนั้นผู้คัดค้านไม่ได้ยกขึ้นว่ากล่าวในคำคัดค้าน จึงไม่ใช่เหตุที่หยิบยกขึ้นอ้างให้ศาลตั้งผู้คัดค้านเป็นผู้จัดการมรดก แม้ผู้คัดค้านได้นำสืบในข้อนี้ก็เป็นการนำสืบนอกประเด็น ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย เมื่อฟังได้ว่าผู้คัดค้านไม่มีส่วนได้เสียในกองมรดก ไม่มีสิทธิได้รับแต่งตั้งเป็นผู้จัดการมรดก ผู้คัดค้านจึงไม่มีสิทธิฎีกาโต้แย้งว่าพินัยกรรมปลอม จึงไม่จำเป็นต้องวินิจฉัยฎีกาของผู้คัดค้านต่อไปว่าพินัยกรรมปลอมหรือไม่

ย่อยาว

ผู้ร้องยื่นคำร้องขอเป็นผู้จัดการมรดกของนายวงศ์สิทธิ์ชนะตั้งเจริญ เจ้ามรดก ซึ่งเสียชีวิตเมื่อวันที่ 26 เมษายน 2532ในฐานะเป็นผู้รับทรัพย์มรดกตามพินัยกรรม
ผู้คัดค้านยื่นคำร้องคัดค้านว่า ผู้คัดค้านเป็นเจ้าหนี้ของเจ้ามรดกตามเช็ค จำนวน 5,000 บาท ซึ่งเจ้ามรดกสั่งจ่ายไว้ จึงมีส่วนได้เสียในกองมรดกพินัยกรรมที่ผู้ร้องอ้างมานั้นเป็นพินัยกรรมปลอม ขอให้ยกคำร้องและตั้งผู้คัดค้านเป็นผู้จัดการมรดกของนายวงศ์สิทธิ ชนะตั้งเจริญ เจ้ามรดก
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วมีคำสั่งตั้งผู้ร้องเป็นผู้จัดการมรดกของนายวงศ์สิทธิ์ ชนะตั้งเจริญ ยกคำร้องของผู้คัดค้าน
ผู้คัดค้านอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
ผู้คัดค้านฎีกา
ระหว่างการพิจารณาของศาลฎีกา ปรากฏว่า ผู้ร้องถึงแก่กรรมเนื่องจากสิทธิในการร้องขอจัดการมรดกเป็นสิทธิเฉพาะตัวของผู้ร้องไม่อาจตั้งบุคคลอื่นเข้ามาเป็นคู่ความแทนผู้ร้องได้ จึงให้จำหน่ายคดีเฉพาะของผู้ร้องออกจากสารบบความ คงมีปัญหาคดีของผู้คัดค้านว่าพินัยกรรมตามเอกสารหมาย ร.1 เป็นพินัยกรรมปลอมและผู้คัดค้านเป็นผู้มีส่วนได้เสียที่จะร้องขอให้ตั้งผู้คัดค้านเป็นผู้จัดการมรดกของเจ้ามรดกหรือไม่
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ผู้คัดค้านกล่าวอ้างว่าเป็นผู้มีส่วนได้เสียในทรัพย์มรดก เพราะเป็นเจ้าหนี้ตามเช็คเอกสารหมาย ค.3จำนวนเงิน 5,000 บาท นั้น หนี้จำนวนนี้ผู้ร้องซึ่งอ้างว่าเป็นทายาทตามพินัยกรรมและร้องขอให้ศาลมีคำสั่งตั้งผู้ร้องเป็นผู้จัดการมรดกได้ขอชำระให้ผู้คัดค้านแล้วในระหว่างพิจารณา ผู้คัดค้านกลับไม่ยอมชำระ ผู้ร้องได้นำต้นเงินและดอกเบี้ยไปวางไว้ที่สำนักงานวางทรัพย์กลาง ซึ่งผู้คัดค้านสามารถที่จะไปรับชำระหนี้ได้ แต่ผู้คัดค้านกลับไม่ยอมรับชำระหนี้ เพื่ออ้างเป็นเหตุในการขอให้แต่งตั้งตนเป็นผู้จัดการมรดกต่อไป ดังนั้น สิทธิเรียกร้องตามเช็คเอกสารหมาย ค.3 ได้สิ้นสุดไปแล้ว ผู้คัดค้านจึงไม่มีส่วนได้เสียในกองมรดกต่อไป ส่วนข้ออ้างในฎีกาของผู้คัดค้านที่ว่า เจ้ามรดกยังเป็นหนี้บุคคลอื่นอีกจำนวนมาก ก็ไม่ใช่เหตุที่ผู้คัดค้านจะกล่าวอ้างมาขอให้แต่งตั้งตนเป็นผู้จัดการมรดกได้ ข้ออ้างของผู้คัดค้านว่า นอกจากเป็นหนี้ตามเช็คเอกสารหมาย ค.3 แล้วเจ้ามรดกยังเป็นหนี้อื่น ๆ ต่อผู้คัดค้านอีกประมาณ 30,000 บาทนั้น ผู้คัดค้านไม่ได้ยกขึ้นว่ากล่าวในคำคัดค้าน จึงไม่ใช่เหตุที่หยิบยกขึ้นอ้างให้ศาลตั้งผู้คัดค้านเป็นผู้จัดการมรดก แม้ผู้คัดค้านได้นำสืบในข้อนี้ก็เป็นการนำสืบนอกประเด็น ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยให้ เมื่อฟังได้ว่าผู้คัดค้านไม่มีส่วนได้เสียในกองมรดก ไม่มีสิทธิได้รับแต่งตั้งเป็นผู้จัดการมรดก ผู้คัดค้านจึงไม่มีสิทธิฎีกาโต้แย้งว่าพินัยกรรมตามเอกสารหมาย ร.1 ปลอม จึงไม่จำเป็นต้องวินิจฉัยฎีกาของผู้คัดค้านต่อไปว่าพินัยกรรมปลอมหรือไม่ที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งยกคำร้องของผู้คัดค้านและศาลอุทธรณ์พิพากษายืนนั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย
พิพากษายืน

Share