แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์ร่วมได้ชกจำเลย 1 ที จำเลยจึงใช้เท้าถีบโจทก์ร่วม 1 ทีแล้วเดินถอยหลังลงบันได โจทก์ร่วมได้ใช้อาวุธปืนยิงจำเลย 1 นัดไม่ถูก จำเลยจึงใช้อาวุธปืนยิงโจทก์ร่วม 1 นัด และลงบันไดหนีไปดังนี้ การที่โจทก์ร่วมชกจำเลย จำเลยใช้เท้าถีบโจทก์ร่วม แล้วถอยหลังลงบันไดไปนั้น ไม่เป็นการสมัครใจเข้าวิวาทต่อสู้กับโจทก์ร่วมเมื่อจำเลยถอยหนีลงบันได โจทก์ร่วมใช้อาวุธปืนยิงจำเลยอีกจึงเป็นการประทุษร้ายต่อจำเลยโดยละเมิดต่อกฎหมาย และโจทก์ร่วมสามารถใช้อาวุธปืนยิงจำเลยได้ตลอดเวลา ถือได้ว่าเป็นภยันตรายใกล้จะถึง จำเลยใช้อาวุธปืนยิงโจทก์ร่วมไป 1 นัด แล้วลงบันไดหนีไปเป็นการกระทำเพื่อป้องกันตนเองพอสมควรแก่เหตุ จำเลยไม่มีความผิด
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๘๘, ๘๐ ริบของกลาง
จำเลยให้การปฏิเสธ
ระหว่างพิจารณา สิบตำรวจโทอธิปพัฒน์ บัวทอง ผู้เสียหาย ยื่นคำร้องขอเข้าร่วมเป็นโจทก์ ศาลชั้นต้นอนุญาต
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ว พิพากษายกฟ้องโจทก์ ส่วนของกลางนั้นฟังไม่ได้ว่าเป็นทรัพย์ที่ได้ใช้และมีไว้เพื่อใช้ในการกระทำความผิดจึงไม่ริบ
โจทก์และโจทก์ร่วมอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ร่วมฎีกา โดยรองอธิบดีปฏิบัติราชการแทน อธิบดีกรมอัยการเห็นว่า รูปคดีมีเหตุอันสมควรที่ศาลฎีกาจะได้วินิจฉัยในปัญหาข้อเท็จจริง อธิบดีกรมอัยการจึงขอรับรองฎีกาของโจทก์ร่วมเพื่อศาลฎีกาจะได้พิจารณาพิพากษาต่อไป
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงฟังได้ว่า โจทก์ร่วมได้ชกจำเลย๑ ที จำเลยจึงใช้เท้าถีบโจทก์ร่วม ๑ ที แล้วเดินถอยหลังลงบันไดโจทก์ร่วมได้ใช้อาวุธปืนยิงจำเลย ๑ นัด ไม่ถูก จำเลยจึงใช้อาวุธปืนยิงโจทก์ร่วม ๑ นัดและลงบันไดหนีไป มีปัญหาว่า การกระทำของจำเลยดังกล่าว เป็นการป้องกันตัวหรือไม่ เห็นว่า การที่โจทก์ร่วมชกจำเลยจำเลยใช้เท้าถีบโจทก์ร่วม แล้วถอยหลังลงบันไดไปนั้น ไม่เป็นการสมัครใจเข้าวิวาทต่อสู้กับโจทก์ร่วม เมื่อจำเลยถอยหนีลงบันไดโจทก์ร่วมใช้อาวุธปืนยิงจำเลยอีก จึงเป็นการประทุษร้ายต่อจำเลยโดยละเมิดต่อกฎหมาย และโจทก์ร่วมสามารถใช้อาวุธปืนยิงจำเลยได้ตลอดเวลา ถือได้ว่า เป็นภยันตรายที่ใกล้จะถึง จำเลยใช้อาวุธปืนยิงโจทก์ร่วมไป ๑ นัด แล้วลงบันไดหนีไป จึงเป็นการกระทำเพื่อป้องกัตนเองพอสมควรแก่เหตุ จำเลยจึงไม่มีความผิดตามฟ้อง ที่ศาลล่างทั้งสองพิพากษามานั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาโจทก์ร่วมฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน.