แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ตามระเบียบของจำเลยที่ 1 ฉบับที่ 61 ว่าด้วย บริการไปรษณีย์ธนาณัติในประเทศ พ.ศ.2526 ข้อ 238 กำหนดให้ที่ทำการไปรษณีย์ปลายทางส่งธนาณัติคืนให้แก่ที่ทำการไปรษณีย์ต้นทางเพื่อจ่ายคืนให้แก่ผู้ฝากส่งเมื่อผู้รับไม่ไปติดต่อขอรับเงินธนาณัติภายในกำหนดตามข้อ 235.1 และเมื่อที่ทำการไปรษณีย์ต้นทางได้รับธนาณัติคืนแล้ว ตามระเบียบของจำเลยที่ 1 ดังกล่าว แก้ไขเปลี่ยนแปลงโดยระเบียบการสื่อสารแห่งประเทศไทย ฉบับที่ 61 ว่าด้วย บริการไปรษณีย์ธนาณัติในประเทศ พ.ศ.2526 (แก้ไขเพิ่มเติม ครั้งที่ 9 พ.ศ.2535) ลงวันที่ 12 ตุลาคม 2535 ข้อ 3 กำหนดให้ที่ทำการไปรษณีย์ต้นทางตรวจสอบแบบ ธน.31 ท่อนที่ 1 ซึ่งได้รับคืนกับแบบ ธน.1 ของธนาณัตินั้นและแยกเก็บไว้เพื่อรอการติดต่อขอรับเงินคืนจากผู้ฝากเท่านั้น ทั้งไปรษณีย์นิเทศ พ.ศ.2539 ก็มิได้กำหนดให้ที่ทำการไปรษณีย์ต้นทางจะต้องแจ้งให้ผู้ฝากทราบ จึงเป็นหน้าที่ของผู้ฝากที่จะต้องไปติดต่อขอรับเงินคืนภายในกำหนดเวลาตามระเบียบของจำเลยที่ 1 ฉบับที่ 61 ข้อ 235 เมื่อโจทก์ไม่ได้ไปติดต่อขอรับเงินคืนในกำหนดเวลา จำเลยที่ 1 จึงดำเนินการประกาศโฆษณากำหนดระยะเวลาให้โจทก์ไปขอรับเงินคืนและโอนเงินธนาณัติที่โจทก์ฝากส่งเป็นของจำเลยที่ 1 เพราะโจทก์ไม่ไปติดต่อขอรับเงินตามระเบียบของจำเลยที่ 1 ฉบับที่ 61 ข้อ 236 และไปรษณีย์นิเทศ พ.ศ.2539 ข้อ 204 ได้
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยทั้งสองร่วมกันหรือแทนกันชำระเงินจำนวน ๑๐,๓๘๓ บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ ๗.๕ ต่อปี ในต้นเงิน ๘,๐๙๖ บาท นับแต่วันถัดจากวันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จ
ศาลชั้นต้นตรวจคำฟ้องแล้วมีคำสั่งให้รับคำฟ้องของโจทก์ไว้พิจารณาเฉพาะจำเลยที่ ๑ ไม่รับฟ้องจำเลยที่ ๒
จำเลยที่ ๑ ให้การ ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษายกฟ้อง ค่าฤชาธรรมเนียมให้เป็นพับ
โจทก์อุทธรณ์เฉพาะปัญหาข้อกฎหมายโดยตรงต่อศาลฎีกาโดยได้รับอนุญาตจากศาลชั้นต้นตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๒๒๓ ทวิ
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงฟังเป็นยุติว่า เมื่อวันที่ ๑๘ ตุลาคม ๒๕๓๙ โจทก์ฝากส่งเงิน ๘,๐๙๖ บาท กับจำเลยที่ ๑ ทางไปรษณีย์ธนาณัติในประเทศจากไปรษณีย์โทรเลขสุราษฎร์ธานีที่ทำการต้นทางไปยังไปรษณีย์โทรเลขหัวหมากที่ทำการปลายทาง เพื่อชำระค่าเช่าซื้อรถยนต์ให้แก่บริษัท เอส.พี. อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ผู้รับ และไปรษณีย์โทรเลขหัวหมากได้จัดส่งใบแจ้งความไปรษณีย์ธนาณัติสำหรับผู้รับไปขอรับเงิน (แบบ ธน.๓๑ ท่อนที่ ๒) ให้แก่บริษัท เอส.พี. อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด แล้ว แต่บริษัทดังกล่าวไม่ไปขอรับเงินภายในกำหนด ๒ เดือน นับต่อจากเดือนที่ฝากส่งตามระเบียบของจำเลยที่ ๑ ฉบับที่ ๖๑ ว่าด้วย บริการไปรษณีย์ธนาณัติในประเทศ พ.ศ.๒๕๒๖ ข้อ ๒๓๕.๑ ไปรษณีย์โทรเลขหัวหมากจึงส่งใบไปรษณีย์ธนาณัติสำหรับ นปท. (ธน.๓๑ ท่อนที่ ๑) คืนไปรษณีย์โทรเลขสุราษฎร์ธานีที่ทำการต้นทาง ตามระเบียบฉบับที่ ๖๑ ข้อ ๒๓๘ เพื่อจ่ายเงินคืนให้แก่โจทก์ผู้ฝากส่ง ไปรษณีย์โทรเลขสุราษฎร์ธานีรอโจทก์ติดต่อขอรับเงินคืนโดยไม่ได้แจ้งให้โจทก์ทราบว่า บริษัท เอส.พี. อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ผู้รับไม่ได้ไปขอรับเงิน จนกระทั่งครบกำหนด ๔ เดือน นับต่อจากเดือนที่ฝากส่ง ตามระเบียบฉบับที่ ๖๑ ข้อ ๒๓๕.๒ ปรากฏว่าโจทก์มิได้ไปขอรับเงินคืนและเมื่อครบกำหนด ๖ เดือน นับต่อจากเดือนที่ฝากส่ง ตามระเบียบฉบับที่ ๖๑ ข้อ ๒๓๕.๓ แล้ว โจทก์และบริษัท เอส.พี. อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ก็มิได้ไปขอรับเงิน จำเลยที่ ๑ จึงประกาศโฆษณาให้โจทก์หรือบริษัท เอส.พี. อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด นำหลักฐานไปติดต่อขอรับเงินคืนภายในกำหนด ๑ ปี นับแต่วันที่ ๑ มิถุนายน ๒๕๔๐ ถึงวันที่ ๓๑ พฤษภาคม ๒๕๔๑ โจทก์และบริษัท เอส.พี. อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด มิได้ไปขอรับเงินในกำหนดดังกล่าว จำเลยที่ ๑ จึงโอนเงินธนาณัติเป็นของจำเลยที่ ๑ ตามระเบียบฉบับที่ ๖๑ ข้อ ๒๓๖ และไปรษณียนิเทศ พ.ศ.๒๕๓๙ ข้อ ๒๐๔ คดีมีปัญหาจะต้องวินิจฉัยตามอุทธรณ์ของโจทก์ว่า จำเลยที่ ๑ ต้องรับผิดคืนเงินไปรษณีย์ธนาณัติตามฟ้องแก่โจทก์หรือไม่
โจทก์อุทธรณ์ว่า เมื่อได้รับ ธน.๓๑ ท่อนที่ ๑ คืนจากไปรษณีย์โทรเลขหัวหมากที่ทำการปลายทางแล้ว ไปรษณีย์โทรเลขสุราษฎร์ธานีที่ทำการต้นทางจะต้องแจ้งให้โจทก์ทราบเสียก่อนว่า บริษัท เอส.พี. อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ผู้รับไม่ได้ไปขอรับเงินจึงจะถือได้ว่าโจทก์ไม่ไปติดต่อขอรับเงินคืนภายในกำหนดตามระเบียบของจำเลยที่ ๑ ฉบับที่ ๖๑ ข้อ ๒๓๕ เมื่อไปรษณีย์โทรเลขสุราษฎร์ธานีมิได้แจ้งให้โจทก์ทราบ จำเลยที่ ๑ จึงไม่สามารถดำเนินการประกาศโฆษณากำหนดระยะเวลาให้โจทก์ไปขอรับเงินคืน และโอนเงินธนาณัติที่โจทก์ฝากส่งเป็นของจำเลยที่ ๑ ตามระเบียบดังกล่าวข้อ ๒๓๖ และไปรษณียนิเทศ พ.ศ.๒๕๓๙ ข้อ ๒๐๔ ได้ เห็นว่า เดิมระเบียบการสื่อสารแห่งประเทศไทย ฉบับที่ ๖๑ ว่าด้วยบริการไปรษณีย์ธนาณัติในประเทศ พ.ศ.๒๕๒๖ ข้อ ๒๔๑.๑ กำหนดว่า เมื่อที่ทำการต้นทางได้รับแบบ ธน.๓๑ ท่อนที่ ๑ ซึ่งที่ทำการปลายทางส่งคืนให้ตามข้อ ๒๓๘ ให้ตรวจสอบกับแบบ ธน.๑ (ใบฝากธนาณัติในประเทศ) ของธนาณัติฉบับนั้น หากเป็นรายที่ไม่มีหมายเหตุการออกแบบ ธน. ๑๐ ก. (ใบแทนไปรษณีย์ธนาณัติ) หรือหมายเหตุให้ระงับการจ่ายเงินคืนใด ๆ อย่างกรณีของโจทก์ให้แจ้งผู้ฝากทราบเพื่อรับเงินคืนด้วยแบบ ธน.๔๗ ท่อนที่ ๒ โดยทางไปรษณีย์ลงทะเบียน แต่ขณะเกิดเหตุคดีนี้ระเบียบดังกล่าวได้ถูกแก้ไขเปลี่ยนแปลงโดยระเบียบการสื่อสารแห่งประเทศไทย ฉบับที่ ๖๑ ว่าด้วย บริการไปรษณีย์ธนาณัติในประเทศ พ.ศ.๒๕๒๖ (แก้ไขเพิ่มเติม ครั้งที่ ๙ พ.ศ.๒๕๓๕) ลงวันที่ ๑๒ ตุลาคม ๒๕๓๕ ข้อ ๓ กำหนดให้ที่ทำการต้นทางเพียงแต่ตรวจสอบแบบ ธน.๓๑ ท่อนที่ ๑ ซึ่งได้รับคืนกับแบบ ธน.๑ ของธนาณัติฉบับนั้น และแยกเก็บไว้เพื่อรอการติดต่อขอรับเงินคืนจากผู้ฝากเท่านั้น ทั้งไปรษณียนิเทศ พ.ศ.๒๕๓๙ ก็มิได้กำหนดให้ที่ทำการต้นทางจะต้องแจ้งให้ผู้ฝากทราบ จึงเป็นหน้าที่ของผู้ฝากที่จะต้องไปติดต่อขอรับเงินคืนภายในกำหนดเวลาตามระเบียบของจำเลยที่ ๑ ฉบับที่ ๖๑ ข้อ ๒๓๕ เมื่อโจทก์ผู้ฝากไม่ได้ไปขอรับเงินคืนในกำหนดเวลาดังกล่าว จำเลยที่ ๑ จึงดำเนินการประกาศโฆษณากำหนดระยะเวลาให้โจทก์ไปขอรับเงินคืนและโอนเงินธนาณัติที่โจทก์ฝากส่งเป็นของจำเลยที่ ๑ เพราะโจทก์ไม่ไปขอรับเงิน ตามระเบียบของจำเลยที่ ๑ ฉบับที่ ๖๑ ข้อ ๒๓๖ และไปรษณียนิเทศ พ.ศ.๒๕๓๙ ข้อ ๒๐๔ ได้ ศาลชั้นต้นพิพากษาชอบแล้ว อุทธรณ์ของโจทก์ฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน จำเลยที่ ๑ ไม่แก้อุทธรณ์ จึงไม่กำหนดค่าทนายความชั้นอุทธรณ์ให้.
นายพรเทพ ศิริมหาพฤกษ์ ผู้ช่วยฯ
ร.ท.นิตินาถ บุญมา ย่อ
นายไพโรจน์ โรจน์อภิรักษ์กุล ตรวจ
นางอัปษร หิรัญบูรณะ ผู้ช่วยฯ/ตรวจ