แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ
ย่อสั้น
แม้พนักงานอัยการจะยื่นฟ้องจำเลยข้อหายักยอกแล้ว โจทก์ร่วมซึ่งเป็นผู้เสียหายก็มีอำนาจฟ้องจำเลยในข้อหาความผิดเดียวกันเป็นคดีใหม่ต่างหากได้ ไม่มีกฎหมายห้ามไว้ และเมื่อศาลสั่งรวมพิจารณาคดีเข้าด้วยกันแล้ว คดีของโจทก์ร่วมก็ไม่จำเป็นต้องไต่สวนมูลฟ้องอีกตาม ป.วิ.อ. มาตรา 162.
ย่อยาว
คดีทั้งสองสำนวนนี้ศาลชั้นต้นพิจารณาพิพากษารวมกัน โดยเรียกโจทก์สำนวนแรกว่าโจทก์ และเรียกโจทก์สำนวนหลังว่าโจทก์ร่วมโดยโจทก์ทั้งสองฟ้องว่าเมื่อระหว่างวันที่ 20 กันยาย 2524 ถึงวันที่ 30 กันยาย 2524 เวลากลางวันโจทก์ร่วมได้มอบหมายให้จำเลยนำตั๋วสัญญาใช้เงิน จำนวน 2,600,000 บาท ไปขายลดและนำเงินที่หักส่วนลดแล้วมอบให้โจทก์ร่วม จำเลยขายตั๋วสัญญาใช้เงินดังกล่าวไปแล้ว ได้เบียดบังเอาเงินที่ขายได้ซึ่งอยู่ในความครอบครองของจำเลยไปเป็นของจำเลยโดยทุจริต เป็นเหตุให้โจทก์ร่วมเสียหายโจทก์ร่วมได้ร้องทุกข์ให้ดำเนินคดีแก่จำเลยภายในอายุความแล้วจึงขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 352, 353, 90 ให้จำเลยคืนเงินที่ยักยอกไปพร้อมดอกเบี้ยแก่โจทก์ร่วมด้วย
จำเลยให้การปฏิเสธว่าไม่ได้กระทำผิดตามฟ้อง โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง โจทก์ร่วมเป็นหนี้จำเลยค่ารถแทรกเตอร์และอื่น ๆ หลายล้านบาท โจทก์ร่วมจึงสลักหลังโอนตั๋วสัญญาใช้เงินตามฟ้องให้แก่จำเลยเพื่อเป็นการชำระหนี้ ขอให้ยกฟ้องของโจทก์และโจทก์ร่วม
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 352 วรรคแรก มาตรา 353 และมาตรา 90 ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 353 ซึ่งเป็นบทที่มีโทษเท่ากัน ให้จำคุกจำเลยที่ 1 ปีให้จำเลยคืนหรือใช้เงินจำนวน 2,391,572.70 บาทแก่โจทก์ร่วม
จำเลยอุทธรณ์ทั้งสองสำนวน
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้ยกฟ้องโจทก์และโจทก์ร่วม
โจทก์และโจทก์ร่วมฎีกาขอให้ลงโทษจำเลยตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
ศาลฎีกาวินิจฉัยปัญหาที่ว่า โจทก์ร่วมมีอำนาจฟ้องคดีนี้หรือไม่นั้นว่า “แม้พนักงานอัยการจะยื่นฟ้องจำเลยเข้ามาแล้ว โจทก์ร่วมซึ่งเป็นผู้เสียหายก็มีอำนาจฟ้องจำเลยในข้อหาความผิดเดียวกันเป็นคดีใหม่ต่างหากได้ ไม่มีกฎหมายห้ามไว้ และเมื่อรวมพิจารณาคดีเข้าด้วยกันแล้ว ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 162ไม่จำเป็นต้องไต่สวนมูลฟ้อง ดังนั้น แม้คดีของโจทก์ร่วมไม่มีการไต่สวนมูลฟ้องโจทก์ร่วมก็มีอำนาจฟ้อง ข้ออ้างของจำเลยตามคำแก้ฎีกาจึงฟังไม่ขึ้น…”
ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อเท็จจริงต่อไปโดยฟังว่า โจทก์ร่วมมอบตั๋วสัญญาใช้เงินให้จำเลยเพื่อชำระหนี้ดังที่จำเลยนำสืบ จำเลยจึงไม่มีความผิดตามฟ้อง ศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้องชอบแล้ว ฎีกาโจทก์และโจทก์ร่วมฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน.