แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ
ย่อสั้น
สัญญาจ้างข้อ 2 ระบุว่า ถ้าโจทก์ผู้รับจ้างไม่มีทางทำงาน ให้แล้วเสร็จตามสัญญา จำเลยที่ 1 ผู้ว่าจ้างมีสิทธิบอกเลิกสัญญาได้ และหากเกิดความเสียหายใด ๆ จำเลยที่ 1 มีสิทธิเรียกร้องให้โจทก์ ชดใช้ได้ตามกฎหมาย เมื่อโจทก์เป็นฝ่ายผิดสัญญา เป็นเหตุให้จำเลย ที่ 1ต้องประมูลว่าจ้างห้าง ห. ทำงานต่อจากที่โจทก์ทำค้างไว้ในราคาแพงกว่าราคาที่จำเลยที่ 1 ตกลงกับโจทก์ เงินที่จำเลยที่ 1ต้องจ่ายเพิ่มขึ้นจึงเป็นค่าเสียหายจำนวนน้อยที่สุดที่จำเลยที่ 1ได้รับโดยตรงจากการผิดสัญญาของโจทก์ โจทก์จึงต้องรับผิดชดใช้เงินจำนวนดังกล่าวแก่จำเลยที่ 1 ตามข้อกำหนดสัญญาจ้าง โดย จะนำค่าของงานที่โจทก์ทำค้างไว้มาหักจากค่าเสียหายที่จำเลยที่ 1ต้องจ่ายเพิ่มขึ้นหาได้ไม่ จำเลยที่ 1 ใช้สิทธิเรียกร้องให้โจทก์ชำระค่าเสียหายอันเกิดจากการที่โจทก์ผิดสัญญาไม่ทำงานให้แล้วเสร็จ อายุความใช้สิทธิเรียกร้องเช่นนี้ไม่มีกฎหมายบัญญัติไว้เป็นอย่างอื่น จึงมีอายุความ 10 ปีตาม ป.พ.พ. มาตรา 164 จะนำเอาอายุความเรียกร้องค่าเสียหายเกี่ยวกับความชำรุดบกพร่องของการงานที่ทำตาม ป.พ.พ. มาตรา 601มาปรับกับกรณีตามฟ้องแย้งของจำเลยที่ 1 ไม่ได้.
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยที่ 1 เป็นองค์การของรัฐ และเป็นผู้บังคับบัญชาจำเลยที่ 2 เมื่อวันที่ 10 มีนาคม 2525 จำเลยที่ 2โดยได้รับมอบหมายจากจำเลยที่ 1 ได้ทำสัญญาจ้างโจทก์ให้ถมดินปรับปรุงบริเวณพร้อมก่อสร้างถนน ลาน และอาคารเก็บพัสดุภายในสถานีควบคุมการจ่ายไฟฟ้าย่อยบ้านใหม่ ปทุมธานี โจทก์ได้มอบหนังสือรับรองของธนาคารกสิกรไทย จำนวนเงิน 109,600 บาท ให้จำเลยที่ 2 ไว้เป็นประกันหลังจากทำสัญญาแล้ว โจทก์ทำงานงวดที่ 1และงวดที่ 2 ควบคู่กัน โดยถมดินบดอัดแน่น ลงหินลูกรังรองพื้นลานถนนลงหินคลุกอัดแน่นผิวลานและไหล่ถนนตามแบบแปลนสิ้นค่าใช้จ่ายเป็นเงิน 559,350 บาท ต่อมาวันที่ 20 มิถุนายน 2525 จำเลยได้สั่งให้โจทก์ระงับการก่อสร้างไว้ชั่วคราว เพราะจำเลยจำเป็นต้องใช้ถนนขนหม้อแปลงไฟฟ้า ขนาด 50 ตัน 2 ลูกเสาไฟฟ้าขนาดใหญ่และอุปกรณ์ติดตั้งจำนวนมาก และให้โจทก์ทำงานงวดที่ 3 ต่อไปปรากฎว่าจำเลยทำให้ถนนซึ่งโจทก์ทำไว้อย่างดีพร้อมที่จะเทคอนกรีตได้เสียหายหมด แล้วเพิกเฉยไม่ยอมทำให้กลับคืนสู่สภาพเดิมและไม่ยอมให้มีการขยายระยะเวลาก่อสร้างแก่โจทก์ตามสภาพที่เป็นจริงทำให้โจทก์ได้รับความเสียหาย จำเลยจึงต้องร่วมกันรับผิดชำระค่าใช้จ่ายในการก่อสร้างจำนวนดังกล่าวแก่โจทก์ งานสองงวดนี้หากทำแล้วเสร็จโจทก์จะได้รับผลประโยชน์เป็นเงิน 50,000 บาท จำเลยต้องร่วมกันชำระค่าขาดประโยชน์จำนวนดังกล่าวแก่โจทก์ด้วย ในการส่งมอบงานงวดที่ 3 จำเลยหักเงินค่าทำความสะอาดบริเวณก่อสร้างจากโจทก์ไว้เป็นเงิน 20,000 บาท แต่เมื่อโจทก์ทำความสะอาดเสร็จแล้วจำเลยกลับเพิกเฉยไม่คืนให้จึงต้องร่วมกันรับผิดคืนเงินแก่โจทก์พร้อมด้วยดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปี นับแต่วันที่ 3 มกราคม2526 ซึ่งเป็นวันทำความสะอาดเสร็จ คิดถึงวันฟ้องเป็นเงิน3,625 บาท ขอให้บังคับจำเลยร่วมกันชำระเงินทั้งสิ้น 632,975 บาทพร้อมด้วยดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปี นับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ และคืนหนังสือรับรองของธนาคารกสิกรไทยแก่โจทก์
จำเลยที่ 1 ให้การและฟ้องแย้งว่า ตามสัญญา โจทก์จะต้องทำงานทั้งสามงวดให้เสร็จภายในวันที่ 19 พฤษภาคม 2525 วันที่ 23 มิถุนายน2525 และวันที่ 22 สิงหาคม 2525 ตามลำดับ จำเลยไม่เคยสั่งให้โจทก์ระงับการก่อสร้าง โจทก์ละเลยไม่เร่งรัดทำงานถึงวันที่ 12 ธันวาคม2525 คงส่งมอบงานงวดที่ 3 ได้งวดเดียว งานงวดที่ 1 และงวดที่ 2ทำไปได้ประมาณร้อยละสิบ คือถมดินและลูกรังบางส่วนเท่านั้นกิจการของจำเลยเป็นสาธารณูปโภค ต้องทำตามกำหนดและแผนการจำเลยจำเป็นต้องใช้ถนนขนหม้อแปลงไฟฟ้าเข้าไปยังสถานีจ่ายไฟและใช้เมื่อพ้นกำหนดตามสัญญาแล้ว ใช้แล้วยังปรับปรุงให้ดีกว่าเดิมโจทก์ไม่ทำงานต่อและเจตนาละทิ้งงาน จำเลยจึงบอกเลิกสัญญาและว่าจ้างห้างหุ้นส่วนจำกัดเจริญพัฒนาทำงานที่เหลือต่อเป็นเงิน 1,800,000 บาทแพงกว่าสัญญาเดิม 375,000 บาท โจทก์ต้องรับผิดชดใช้แก่จำเลยและต้องชำระดอกเบี้ยร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีนับแต่วันผิดนัดทวงถามคือวันที่ 6 พฤษภาคม 2528 ถึงวันฟ้องแย้งเป็นเงิน 9,375 บาท โจทก์ไม่ได้ทำความสะอาดบริเวณก่อสร้างทั้งยังต้องเสียค่าปรับฐานทำงานล่าช้าแก่โจทก์เป็นเงิน 24,255 บาท จึงไม่มีสิทธิเรียกคืนเงินค่าประกันการทำความสะอาด ขอให้ยกฟ้อง และบังคับโจทก์ให้ชดใช้ค่าเสียหายพร้อมด้วยดอกเบี้ยเป็นเงิน 384,375 บาท กับดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีในต้นเงิน 375,000 บาท นับแต่วันฟ้องแย้งจนกว่าจะชำระเสร็จแก่จำเลยที่ 1
จำเลยที่ 2 ให้การว่า จำเลยที่ 2 ทำสัญญาตามฟ้องแทนจำเลยที่ 1เท่านั้นจึงไม่ต้องร่วมรับผิดต่อโจทก์ ขอให้ยกฟ้อง
โจทก์ให้การแก้ฟ้องแย้งว่า มิได้เป็นฝ่ายผิดสัญญานอกจากจะสั่งให้ระงับทำงานงวดที่ 1 และงวดที่ 2 แล้ว จำเลยยังใช้ถนนอยู่จนพ้นกำหนดสัญญาและจ้างผู้รับจ้างรายใหม่ทำงานมากกว่าสัญญาเดิมโจทก์จึงไม่ต้องรับผิดชดใช้ค่าจ้างที่เพิ่มขึ้น ฟ้องแย้งของจำเลยที่ 1 ขาดอายุความ ขอให้ยกฟ้องแย้ง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยที่ 1 ชำระเงินจำนวน 20,000 บาทพร้อมด้วยดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปี นับแต่วันที่ 3 มกราคม2526 จนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ คำขอของโจทก์นอกจากนี้ให้ยก ยกฟ้องโจทก์สำหรับจำเลยที่ 2 และยกฟ้องแย้งของจำเลยที่ 1
โจทก์และจำเลยทั้งสองอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยทั้งสองฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ข้อเท็จจริงในเบื้องต้นรับฟังได้ว่า จำเลยที่ 1 ได้ทำสัญญาจ้างเหมาโจทก์ก่อสร้างถนน ลาน และอาคารเก็บพัสดุในสถานีควบคุมการจ่ายไฟฟ้าย่อยบ้านใหม่ อำเภอเมืองปทุมธานีของจำเลยที่ 1 ในราคา 2,192,000 บาท โดยแบ่งงานและการชำระเงินเป็น 3 งวด สองงวดแรกเป็นงานก่อสร้างถนนและลาน งวดที่ 1เป็นเงิน 767,000 บาท กำหนดให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 19 พฤษภาคม2525 งวดที่ 2 เป็นเงิน 658,000 บาท กำหนดให้แล้วเสร็จภายในวันที่23 มิถุนายน 2525 งวดที่ 3 เป็นงานก่อสร้างอาคาร โรงเก็บพัสดุเป็นเงิน 767,000 บาท กำหนดให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 22 สิงหาคม2525 ตามสัญญาหมาย ป.จ.2 โจทก์ทำงานงวดที่ 3 เสร็จและส่งมอบให้แก่จำเลยที่ 1 เมื่อวันที่ 22 ธันวาคม 2525 จำเลยที่ 1ชำระค่าจ้างแก่โจทก์เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ส่วนงานสองงวดแรกโจทก์ทำไม่เสร็จและทิ้งงาน จำเลยที่ 1 บอกเลิกสัญญากับโจทก์ตามหนังสือของจำเลยที่ 1 ฉบับลงวันที่ 8 สิงหาคม 2526 เอกสารหมายป.ล.6 แล้วได้เรียกประมูลก่อสร้างงานต่อจากที่โจทก์ทำค้างไว้ห้างหุ้นส่วนจำกัดเจริญพัฒนา เป็นผู้ประมูลได้ในราคา 1,800,000 บาทซึ่งแพงกว่าราคาตามสัญญาที่ตกลงว่าจ้างโจทก์เป็นเงิน 375,000 บาทห้างหุ้นส่วนจำกัดเจริญพัฒนาได้ทำงานต่อจากที่โจทก์ทำค้างไว้แล้วเสร็จ และได้รับค่าจ้างจากจำเลยที่ 1 ครบถ้วนแล้ว จำเลยที่ 1มีหนังสือฉบับลงวันที่ 16 เมษายน 2528 ทวงถามโจทก์ให้ชำระเงินที่จำเลยที่ 1 ต้องจ่ายเพิ่มขึ้น จำนวน 375,000 บาท นั้นแล้วตามเอกสารหมาย ป.ล.7
พิเคราะห์แล้ว ในประเด็นเรื่องค่าเสียหายของจำเลยที่ 1 นั้นเห็นว่าตามสัญญาจ้าง หมาย ป.จ.2 ข้อ 2 มีข้อความระบุไว้ชัดเจนว่า ถ้าโจทก์ผู้รับจ้างไม่มีทางจะทำงานให้แล้วเสร็จตามสัญญาจำเลยที่ 1 ผู้ว่าจ้างมีสิทธิเลิกสัญญาได้ และหากเกิดความเสียหายใด ๆ จำเลยที่ 1 มีสิทธิเรียกร้องให้โจทก์ชดใช้ได้ตามกฎหมาย เมื่อข้อเท็จจริงปรากฏว่าโจทก์เป็นฝ่ายผิดสัญญาไม่ทำงานงวดที่ 1 และงวดที่ 2 ให้แล้วเสร็จเป็นเหตุให้จำเลยที่ 1 ต้องประมูลว่าจ้างห้างหุ้นส่วนจำกัดเจริญพัฒนา ทำงานต่อจากที่โจทก์ทำค้างไว้ในราคา1,800,000 บาท แพงกว่าราคาที่จำเลยที่ 1 ตกลงกับโจทก์เงินจำนวน 375,000 บาท ที่จำเลยที่ 1 ต้องจ่ายเพิ่มขึ้นจึงเป็นค่าเสียหายจำนวนน้อยที่สุดที่จำเลยที่ 1 ได้รับโดยตรงจากการปฏิบัติผิดสัญญาของโจทก์ โจทก์ต้องรับผิดชดใช้ให้แก่จำเลยที่ 1 ตามข้อกำหนดสัญญาจ้างดังกล่าวข้างต้น เงินจำนวน 1,800,000 บาท เป็นค่าจ้างที่จำเลยที่ 1 จ่ายไปเพื่อทำงานต่อจากที่โจทก์ทำค้างไว้ให้เสร็จตามสัญญาเช่นนี้ จึงจะนำค่าของงานที่โจทก์ทำค้างไว้มาหักจากค่าเสียหายหรือค่าจ้างที่จำเลยที่ 1 ต้องจ่ายเพิ่มขึ้นหาได้ไม่ตามฟ้องของโจทก์และทางพิจารณาข้อเท็จจริงปรากฎว่า จำเลยที่ 1ได้แต่ริบผลงานที่โจทก์ทำค้างไว้เท่านั้น จำเลยที่ 1 หาได้ริบทรัพย์สินอื่นใดของโจทก์ไว้ไม่ ดังนั้นที่ศาลล่างทั้งสองวินิจฉัยว่าจำเลยที่ 1 ริบทรัพย์สินและผลงานของโจทก์ที่ทำไปแล้วจึงไม่ได้รับความเสียหายอย่างใดอีก และพิพากษายกฟ้องแย้งของจำเลยที่ 1มานั้น จึงไม่ต้องด้วยความเห็นของศาลฎีกา ฎีกาของจำเลยที่ 1 ฟังขึ้น แต่ปรากฏตามฎีกาของจำเลยที่ 1 ว่า ธนาคารกสิกรไทยผู้ออกหนังสือรับรองให้จำเลยที่ 1 ไว้เป็นประกันได้ชำระเงินจำนวน109,600 บาท ตามหนังสือรับรองนั้นให้แก่จำเลยที่ 1 แล้ว จึงคงเหลือค่าเสียหายที่โจทก์จะต้องรับผิดชดใช้ให้แก่จำเลยที่ 1เป็นเงิน 265,400 บาท
ส่วนที่โจทก์แก้ฎีกาว่า ฟ้องแย้งของจำเลยที่ 1 ขาดอายุความตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 601 นั้น เห็นว่ากรณีเป็นเรื่องจำเลยที่ 1 ใช้สิทธิเรียกร้องให้โจทก์ชำระค่าเสียหายอันเกิดจากการที่โจทก์ผิดสัญญาไม่ทำงานให้แล้วเสร็จอายุความใช้สิทธิเรียกร้องเช่นนี้ไม่มีกฎหมายบัญญัติไว้เป็นอย่างอื่น จึงมีอายุความ 10 ปี ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 164 จะนำอายุความเรียกร้องค่าเสียหายเกี่ยวกับความชำรุดบกพร่องของการงานที่ทำ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 601 มาปรับกับกรณีตามฟ้องแย้งของจำเลยที่ 1 ไม่ได้ ข้อแก้ฎีกาของโจทก์ฟังไม่ขึ้น”
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้โจทก์ชำระเงินจำนวน 265,400 บาทพร้อมด้วยดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีนับแต่วันที่ 6พฤษภาคม 2528 จนกว่าจะชำระเสร็จแก่จำเลยที่ 1 นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์.