แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
พ.ร.บ.พนักงานอัยการ 2498 มาตรา 11 ให้อำนาจพนักงานอัยการที่จะพิจารณาว่า เจ้าพนักงานที่ถูกฟ้องนั้นได้กระทำไปตามหน้าที่หรือไม่ และสมควรจะรับแก้ต่างให้หรือไม่ ไม่ใช่พิจารณาตามข้อหาของโจทก์ ดังนี้เมื่อปรากฏว่า จำเลยได้ปฏิบัติการตามหน้าที่ จึงอยู่ในอำนาจที่จะรับแก้ต่างแทนจำเลยได้
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยบังอาจแจ้งความเท็จต่อพนักงานสอบสวนหาว่าโจทก์ทำผิดอาญา คือ โฆษณาด้วยเครื่องขยายเสียงและเครื่องบันทึกเสียงโดยไม่ได้รับอนุญาต และหมิ่นประมาทจำเลย ทำให้โจทก์เสียหาย ขอให้ลงโทษ
จำเลยแต่งตั้งพนักงานอัยการเป็นทนายแก้ต่างโดยพนักงานอัยการจังหวัดเพชรบุรีแถลงว่าจำเลยกระทำในฐานะเจ้าพนักงานปฏิบัติการตามหน้าที่ ศาลอนุญาต โจทก์ยื่นคำร้องโต้แย้งคัดค้านไว้
ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้วพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกาข้อกฎหมาย
ศาลฎีกาเห็นว่า ตามมาตรา ๑๑ แห่งพระราชบัญญัติพนักงานอัยการ ๒๔๙๘ บัญญัติให้อำนาจพนักงานอัยการที่จะพิจารณาว่าเจ้าพนักงานที่ถูกฟ้องนั้นได้กระทำไปตามหน้าที่หรือไม่ และสมควรจะรับแก้ต่างให้หรือไม่ไม่ใช่พิจารณาตามข้อหาของโจทก์ เรื่องนี้ปรากฏตามคำแถลงของพนักงานอัยการว่าได้สอบสวนข้อเท็จจริงแล้ว ปรากฏว่าจำเลยได้กระทำไปในฐานะเป็นเจ้าพนักงานได้ปฏิบัติการตามหน้าที่ จึงอยู่ในอำนาจของพนักงานอัยการที่จะรับแก้ต่างแทนจำเลยได้ และเห็นว่า คดีโจทก์มีมูล พิพากษากลับ ให้รับประทับฟ้องในข้อหาตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๑๗๓